งานวิจัยที่มีผู้เข้าดูมากที่สุด
ชื่อเรื่อง | ประเภทงานวิจัย | ปีที่พิมพ์ | อ่าน | รายละเอียด |
---|---|---|---|---|
การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง | งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร | 2555 | ||
อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 | งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ | 2556 | ||
การใช้นํ้าหมักชีวภาพต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของผักกาดหอมเรดโอ๊คที่ปลูก ในระบบไฮโดรโปนิกส์ | งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ | 2556 |
งานวิจัยที่มีผู้เข้าดาวน์โหลดมากที่สุด
ชื่อเรื่อง | ประเภทงานวิจัย | ปีที่พิมพ์ | ดาวน์โหลด | รายละเอียด |
---|---|---|---|---|
การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง | งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร | 2555 | ||
อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 | งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ | 2556 | ||
การใช้นํ้าหมักชีวภาพต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของผักกาดหอมเรดโอ๊คที่ปลูก ในระบบไฮโดรโปนิกส์ | งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ | 2556 |
ผู้วิจัย กนกภรณ์ สุภเสถียร และ สมฤทัย จันทร์สมัคร | ปีที่พิมพ์ 2556 | อ่าน 89737 ครั้ง ดาวน์โหลด 20 ครั้ง
งานวิจัยนี้ได้ทำการศึกษาผลของอัตราส่วนระหว่างแป้งข้าวเจ้าต่อแป้งมันสำปะหลังที่แตกต่างกัน 3 ระดับคือ 1:0 1:0.3 และ 1:1 และลักษณะผิวสัมผัสของชิ้นกล้วย 3 ลักษณะได้แก่ ผิวเรียบผิวหยัก และผิวขรุขระที่มีผลต่อร้อยละการเกาะติดของลักษณะบ่งชี้คุณภาพกล้วยแขกพบว่า สูตร 1:0 ให้ค่าความหนืดสูงสุดรองลงมาคือ 1:0.3 และ 1:1 ตามลำดับ โดยให้ค่าความหนืดเป็น 5574.43 cP 403.72 cPและ 221.84 cPตามลำดับ ความหนืดไม่มีผลต่อร้อยละการเกาะติด ผิวสัมผัสที่มีลักษณะขรุขระที่เกิดจากการรวมตัวของแป้งคลุกซึ่งดูดซับความชื้นจากผิวของชิ้นกล้วยจะให้ร้อยละการเกาะติดสูงที่สุดคือ ร้อยละ 57.27 ในขณะที่ผิวหยักและผิวเรียบให้ผลไม่แตกต่างกันทางสถิติ
ผู้วิจัย จิราวรรณ์ ลุนพันธ์ และ สำเนียง ณะวงวิเศษ | ปีที่พิมพ์ 2555 | อ่าน 90146 ครั้ง ดาวน์โหลด 52 ครั้ง
งานวิจัยนี้ได้ศึกษาอุณหภูมิและเวลาที่เหมาะสมในการทอดกล้วยไข่ดิบก่อนการแช่เยือกแข็งที่มีผลต่อลักษณะคุณภาพของเฟรนช์ฟรายส์กล้วยไข่เนื่องจากผลกล้วยเหมาะต่อการบริโภคสำหรับทุกเพศทุกวัย เพราะเป็นผลไม้ที่อุดมด้วยคุณค่าทางอาหารในการบริโภคสด หรือ การแปรรูปเป็นอาหารทั้งคาวและหวาน และได้เล็งเห็นถึงปัญหาของกล้วยซึ่งเป็นผลไม้ที่มีปริมาณมากและราคาต่ำ ในบางช่วงของปี จึงต้องการเพิ่มมูลค่าของกล้วยไข่ดิบโดยมีอุณหภูมิและเวลาในการทอดก่อนการแช่เยือกแข็งที่ทำการศึกษา คือ อุณหภูมิที่ใช้ทอดได้แก่ 140, 150 และ 160 องศาเซลเซียสและเวลา 20, 40 และ 60 วินาที วิเคราะห์ทางด้านกายภาพและเคมี ได้แก่ ค่าความสว่าง (L*) และค่าความเป็นสีเหลือง (b*) ความกรอบ และโอกาสการเกิดกลิ่นหืน ผลการศึกษาพบว่า อุณหภูมิและเวลาที่แตกต่างในการทอดมีผลทำให้ค่าความสว่าง (L*) และค่าความเป็นสีเหลือง (b*) และโอกาสการเกิดกลิ่นหืนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ (P≤0.05) ซึ่งแสดงโดยการวิเคราะห์ค่าเปอร์ออกไซด์ และอุณหภูมิที่สูงขึ้นมีแนวโน้มต่อค่าความกรอบ การประเมินทางด้านประสาทสัมผัส โดยผู้ประเมินทั่วไป พบว่าอุณหภูมิและเวลาในการทอดก่อนการแช่เยือกแข็งของผลิตภัณฑ์เฟรนช์ฟรายส์จากกล้วยไข่ที่แตกต่างกันไม่มีผลต่อความชอบต่อสี กลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัสและความชอบโดยรวมของผลิตภัณฑ์เฟรนช์ฟรายส์จากกล้วยไข่อย่างมีนัยสำคัญ (P>0.05)
ผู้วิจัย เบญจวรรณ หนูมะเริง | ปีที่พิมพ์ 2557 | อ่าน 88511 ครั้ง ดาวน์โหลด 4 ครั้ง
บทคัดย่อ
เรื่อง ผลของ BA และ NAA ต่อการเจริญเติบโตของต้นกล็อกซิเนีย
ในสภาพปลอดเชื้อ
Effects of BA and NAA on Growth of Gloxinia In Vitro
โดย นางสาวเบญจวรรณ หนูมะเริง
ชื่อปริญญา วิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์)
ปีการศึกษา 2557
อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ ดร.สุจิตรา สืบนุการณ์
ศึกษาผลของ BA และ NAA ต่อการเจริญเติบโตของต้นกล็อกซิเนียในสภาพปลอดเชื้อ โดยวางแผนการทดลองแบบ 4 x 5 Factorial in Completely Randomized Design (Factorial in CRD) แบ่งการทดลองออกเป็น 20 กลุ่มทดลองๆ ละ 5 ซ้ำ ๆ ละ 1 ขวด ผลการทดลองพบว่า สูตรอาหารที่เหมาะสมในการชักนำให้เกิดการพัฒนาเป็นต้น คือ อาหารสูตร MS ที่เติม NAA 1.5 mg/l ต้นกล้ามีการพัฒนาและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มีความสูงเฉลี่ยของต้น 2.62 เซนติเมตร จำนวนวันเกิดยอดใหม่เร็วที่สุด คือ 2.80 วัน มีเปอร์เซ็นต์การรอดชีวิตสูงสุด คือ 100 เปอร์เซ็นต์ และมีจำนวนยอดใหม่ปานกลาง คือ 0.4 ยอดต่อชิ้นส่วน รองลงมาคือ อาหารสูตร MS ที่เติม BA 1 mg/l มีความสูงเฉลี่ยของต้น 1.96 เซนติเมตร จำนวนวันเกิดยอดใหม่ 14 วัน และเปอร์เซ็นต์การรอดชีวิต คือ 100 เปอร์เซ็นต์ สำหรับสูตรอาหารที่ไม่แนะนำให้ใช้ คือ อาหารสูตร MS ที่เติม BA 3 mg/l ร่วมกับ NAA 0.1 mg/l ไม่มีพัฒนาการของชิ้นส่วน และมีเปอร์เซ็นต์การตาย 100 เปอร์เซ็นต์
คำสำคัญ BA (6-benzyladenine) NAA (1-naphthalene acetic acid) กล็อกซิเนีย
ผู้วิจัย ฐิติพร ภักดีโสภา | ปีที่พิมพ์ 2557 | อ่าน 88793 ครั้ง ดาวน์โหลด 6 ครั้ง
บทคัดย่อ
เรื่อง การใช้ไมยราบยักษ์ทดแทนขี้เลื่อยในการเพาะเห็ดแครง
Using Giant Mimosa to Substitute Sawdust for
Schizophylum commune Production
โดย นางสาวฐิติพร ภักดีโสภา
ชื่อปริญญา วิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์)
ปีการศึกษา 2557
อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ ดร. เสกสรร ชินวัง
ศึกษาการใช้ไมยราบยักษ์ทดแทนขี้เลื่อยในการเพาะเห็ดแครง วางแผนการทดลองแบบ Randomized Complete Block Design ( RCBD ) แบ่งการทดลองออกเป็น 5 กลุ่มทดลองๆ ละ 3 ซ้าๆ ละ 5 ถุงๆ ละ 320 กรัม โดยให้ กลุ่มทดลองที่ 1 ขี้เลื่อย 100% (Control) กลุ่มทดลองที่ 2 ขี้เลื่อย 75% ไมยราบยักษ์ 25% กลุ่มทดลองที่ 3 ขี้เลื่อย 50% ไมยราบยักษ์ 50% กลุ่มทดลองที่ 4 ขี้เลื่อย 25% ไมยราบยักษ์ 75% และกลุ่มทดลองที่ 5 ไมยราบยักษ์ 100% ผลการทดลองพบว่าการใช้ไมยราบยักษ์ 100% (กลุ่มทดลองที่ 5) มีความเหมาะสมมากที่สุดและสามารถใช้ทดแทนขี้เลื่อยได้ เนื่องจากมีน้าหนักผลผลิตดอกเห็ดเฉลี่ยมากที่สุด (21.4 กรัมต่อถุง) และใช้ระยะเวลาในการบ่มเชื้อเห็ดก่อนการออกดอกน้อยที่สุด (12.7 วัน) ดอกเห็ดที่ได้มีขนาดใหญ่ จึงทาให้มีจานวนดอกเห็ดเฉลี่ยน้อย (63.1 ดอกต่อถุง) แต่ขนาดของดอกตรงกับความต้องการของตลาด รองลงมา คือ การใช้ขี้เลื่อย 25% ร่วมกับไมยราบยักษ์ 75% (กลุ่มทดลองที่ 4) มีระยะเวลาในการบ่มตัวของเชื้อเห็ดก่อนการออกดอก และ น้าหนักผลผลิตดอกเห็ดสดเฉลี่ยปานกลางคือ 15.9 วัน และ 10.2 กรัมต่อถุง ตามลาดับ และมีจานวนดอกเห็ดเฉลี่ยมากที่สุดคือ 85.7 ดอกต่อถุง ในขณะที่การใช้ขี้เลื่อย 100% (กลุ่มทดลอง-
ที่ 1) ใช้ระยะเวลาในการบ่มเชื้อเห็ดก่อนการออกดอกนานที่สุด (27.5 วัน) และมีน้าหนักผลผลิตดอกเห็ดสดเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ 5.9 กรัมต่อถุง จึงไม่แนะนาให้ใช้ในการเพาะเห็ดแครง นอกจากนี้เมื่อศึกษาผลกระทบของอัตราส่วนไมยราบยักษ์ในวัสดุเพาะ พบว่า เมื่อมีการเพิ่มสัดส่วนของไมยราบยักษ์มากขึ้น ส่งผลให้ระยะเวลาในการบ่มตัวของเชื้อสั้นลงและมีน้าหนักผลผลิตสดเฉลี่ยมากขึ้น
คาสาคัญ เห็ดแครง ฟางข้าว ผลผลิต