งานวิจัยที่มีผู้เข้าดูมากที่สุด

ชื่อเรื่อง ประเภทงานวิจัย ปีที่พิมพ์ อ่าน รายละเอียด
การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร 2555
93054
อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
93016
การใช้นํ้าหมักชีวภาพต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของผักกาดหอมเรดโอ๊คที่ปลูก ในระบบไฮโดรโปนิกส์ งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
92397

งานวิจัยที่มีผู้เข้าดาวน์โหลดมากที่สุด

ชื่อเรื่อง ประเภทงานวิจัย ปีที่พิมพ์ ดาวน์โหลด รายละเอียด
การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร 2555
356
อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
570
การใช้นํ้าหมักชีวภาพต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของผักกาดหอมเรดโอ๊คที่ปลูก ในระบบไฮโดรโปนิกส์ งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
345

ผลของการเสริมสารแอนตี้ออกซิแดนท์ในสารละลายเจือจาง น้าเชื้อสดโค
ผู้วิจัย นางสาวริยากร ณุวงษ์ศรี และ นางสาวกาญจนา สุขชัย | ปีที่พิมพ์ 2559 | อ่าน 88439 ครั้ง ดาวน์โหลด 3 ครั้ง

บทคัดย่อ
การทดลองครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของสารแอนตี้ออกซิแดนท์เสริมในสูตรสารละลายเจือ
จางน้าเชื้อสดโตต่ออัตราการเคลื่อนที่ อัตราการมีชีวิต และความเป็นปกติของอสุจิ โดยใช้แผนการทดลอง
แบบ Randommized Complete Blok Design (RCBD) ใช้น้าจากพ่อพันธุ์ โฮสไตร์ฟรีเชี่ยน จานวน 1 ตัว
รีดน้าเชื้อทุกสัปดาห์ แบ่งน้าเชื้อออกเป็น 5 ส่วน เจือจางด้วยสารสารเจือจาง Egg-Yolk Tris ที่เสริมด้วย
กลุ่ม วิตามิน อี 10 μg/ml (กลุ่มควบคุม) หรือ น้ามันมะกอก 0.6 μg/ml หรือ น้ามันมะพร้าว 0.5 μg/ml
หรือ น้ามันงา 1 μg/ml หรือ น้ามันราข้าว 1μg/ml ทาการเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 5 องศาเซลเซียส ตรวจ
ทุกๆ 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 4 วัน ผลการศึกษาพบว่า อัตราการเคลื่อนที่ อัตราการมีชีวิต และความเป็นปกติ
ของอสุจิ ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (p>0.05) ที่ชั่วโมงที่ 0, 24, 48, 72, 96 และ 120
ค้าส้าคัญ: น้าเชื้อสด, แอนตี้ออกซิแดนท์, วิตามิน อี, น้ามันมะกอก, น้ามันมะพร้าว, น้ามันงา, น้ามันราข้าว
Abstract
The purposes of this study were to investigate the effects of supplementation of
antioxidant in bull liquid semen extender on sperm viability, sperm motility and normality.
Experimental design was conducted using Randommized Complete Blok Design (RCBD).
Semen was collected from one Holstein Friesian bull once a week for tour week and
divided into 5 portions for each treatment. Semen were diluted with egg-yolk tris diluted
supplemented with vitamin E 10 μg/ml (control) or olive oil 0.6 μg/ml or coconut oil 0.5 μg/ml
or sesame oil 1 μg/ml or rice bran oil 1 μg/ml. Diluted semen were stored at 5° C and
examined for semen quality every 24 hours for 4 days. It was found that there semen viability,
sperm motility and normality. Were not significant different among treatment (p> 0.05) on
days 0, 24, 48, 72, 96 and 120.
Keywords: liquid semen, antioxidant, vitamin E, olive oil, coconut oil, sesame oil, rice bran oil



การใช้กากมันสาปะหลังในอาหาร ต่อสมรรถนะการเจริญเติบโตของไก่เนื้อ
ผู้วิจัย นุจรินทร์ ฉวีรักษ์และคณะ | ปีที่พิมพ์ 2557 | อ่าน 88779 ครั้ง ดาวน์โหลด 6 ครั้ง



การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของปุ๋ยอินทรีย์ชนิดต่างๆ ร่วมกับปุ๋ยเคมีต่อ การเจริญเติบโตและผลผลิตของน้้าเต้า
ผู้วิจัย พัชราภรณ์ จิตแสวง | ปีที่พิมพ์ 2557 | อ่าน 89207 ครั้ง ดาวน์โหลด 44 ครั้ง

บทคัดย่อ
เรื่อง การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของปุ๋ยอินทรีย์ชนิดต่างๆ ร่วมกับปุ๋ยเคมีต่อ
การเจริญเติบโตและผลผลิตของน้้าเต้า
Comparison of Chemical and Organic Fertilizer Efficiency on Growth
and Yield of Bottle Gourd (Lagenaria siceraria Standl)
โดย นางสาวพัชราภรณ์ จิตแสวง
ชื่อปริญญา วิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์)
ปีการศึกษา 2557
อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์นงลักษณ์ พยัคฆศิรินาวิน
งานวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาผลของการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดต่างๆ ร่วมกับปุ๋ยเคมีต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของน้้าเต้าและเพื่อให้ทราบถึงชนิดของปุ๋ยอินทรีย์ที่สามารถใช้ร่วมกับปุ๋ยเคมีในการผลิตน้้าเต้าโดยวางแผนการทดลองแบบ RCBD จ้านวน 5 กลุ่มทดลองๆ ละ 3 ซ้้าๆ ละ 20 ต้นดังนี้ กลุ่มทดลองที่ 1 ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 (อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่) กลุ่มทดลองที่ 2 ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 (อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่) ร่วมกับปุ๋ยมูลโค (อัตรา 1,000 กิโลกรัมต่อไร่) กลุ่มทดลองที่ 3 ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 (อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่) ร่วมกับปุ๋ยมูลไก่ (อัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่) กลุ่มทดลองที่ 4 ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 (อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่) ร่วมกับปุ๋ยมูลสุกร (อัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่) และ กลุ่มทดลองที่ 5 ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 (อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่) ร่วมกับปุ๋ยมูลค้างคาว (อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่) ผลการทดลองพบว่าในกลุ่มทดลองที่ 3 ใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 (อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่) ร่วมกับปุ๋ยมูลไก่ (อัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่) มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือมีความสูงเฉลี่ยของต้น ( 200.00 เซนติเมตร) จ้านวนดอกติดผลผลิตเฉลี่ย (21.65 ดอกต่อต้น) ความกว้างผลเฉลี่ย (17.60 เซนติเมตร) จ้านวนผลผลิตเฉลี่ย (18.99 ผลต่อต้น) น้้าหนักผลผลิตเฉลี่ย (17.12 กิโลกรัม) และผลผลิตเกรด B (33.33 เปอร์เซ็นต์) มากที่สุด ในขณะกลุ่มทดลองที่ 5 ให้ผลผลิตตกเกรดหรือเกรด C มากที่สุดคือ 90.00 เปอร์เซ็นต์ จากการวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของน้้าเต้า ที่เหมาะสมที่สุดคือ ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 (อัตรา 30 กิโลกรัมต่อไร่) ร่วมกับปุ๋ยมูลไก่ (อัตรา 500 กิโลกรัมต่อไร่)
คาสาคัญ น้้าเต้า ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยมูลโค ปุ๋ยมูลไก่ ปุ๋ยมูลสุกร ปุ๋ยมูลค้างคาว



ผลของผงบดพริกไทยดำต่อการควบคุมด้วงงวงข้าว
ผู้วิจัย ปรียานุช อุดมวรรณ | ปีที่พิมพ์ 2556 | อ่าน 90449 ครั้ง ดาวน์โหลด 49 ครั้ง

การศึกษาผลของผงบดพริกไทยดำต่อการควบคุมด้วงงวงข้าว โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (CRD) ประกอบด้วย 6 กลุ่มทดลอง ได้แก่ การใช้ผงบดพริกไทยดำ 0, 1, 5, 10, 15 และ 20 กรัมต่อขวด จำนวน 10 ซํ้า พบว่ากลุ่มทดลองที่ 6 ใส่พริกไทยดำ 20 กรัมต่อขวด มีความเหมาะสมที่สุดในการควบคุมด้วงงวงข้าว เนื่องจากมีจำนวนการตายเฉลี่ยของด้วงงวงข้าวสูงที่สุด คือ 6.90, 8.80, 9.80 และ 10.00 ตัว ที่เวลา 24, 48, 72 และ 96 ชั่วโมง ตามลำดับ และมีความแตกต่างทางสถิติ (P≤0.01) มีเปอร์เซ็นต์การตายที่แท้จริงของด้วงงวงข้าวมากที่สุด คือ 65.88%, 82.34%, 95.99% และ 99.66% ที่เวลา 24, 48, 72 และ 96 ชั่วโมง ตามลำดับ และเมื่อวิเคราะห์ระดับความเข้มข้นที่ทำให้ด้วงงวงข้าวตาย 50 เปอร์เซ็นต์ (LC50) ที่ 24, 48, 72 และ 96 ชั่วโมง เท่ากับ 17.20, 11.91, 8.54 และ 5.66 กรัมต่อขวด ตามลำดับ และระยะเวลาในการตาย 50% (LT50) ที่ความเข้มข้น 0 (ควบคุม), 1, 5, 10,15 และ 20 กรัมต่อขวด ใช้ระยะเวลาในการตาย 128.43, 96.63, 86.15, 55.75, 36.06 และ 17.45 ชั่วโมง ตามลำดับ จากการทดลองพบว่าการใช้ผงบดพริกไทยดำ ความเข้มข้น 20 กรัมต่อขวด ใช้ระยะเวลาในการตายของด้วงงวงข้าว 50% น้อยที่สุด


เข้าสู่ระบบ