งานวิจัยที่มีผู้เข้าดูมากที่สุด

ชื่อเรื่อง ประเภทงานวิจัย ปีที่พิมพ์ อ่าน รายละเอียด
การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร 2555
92938
อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
92877
การใช้นํ้าหมักชีวภาพต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของผักกาดหอมเรดโอ๊คที่ปลูก ในระบบไฮโดรโปนิกส์ งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
92291

งานวิจัยที่มีผู้เข้าดาวน์โหลดมากที่สุด

ชื่อเรื่อง ประเภทงานวิจัย ปีที่พิมพ์ ดาวน์โหลด รายละเอียด
การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร 2555
356
อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
570
การใช้นํ้าหมักชีวภาพต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของผักกาดหอมเรดโอ๊คที่ปลูก ในระบบไฮโดรโปนิกส์ งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
345

ประสิทธิภาพของสารสกัดจากพืชสมุนไพรต่อการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ จากน้ำปักแจกันของดอกเบญจมาศพันธุ์ยูโกะบนอาหารเลี้ยงเชื้อ
ผู้วิจัย วิริญจ์ อรรคธรรม | ปีที่พิมพ์ 2556 | อ่าน 89493 ครั้ง ดาวน์โหลด 27 ครั้ง

ประสิทธิภาพของสารสกัดจากพืชสมุนไพรต่อการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์

จากน้ำปักแจกันของดอกเบญจมาศพันธุ์ยูโกะบนอาหารเลี้ยงเชื้อ

                                 Efficiency of Herbal Extracts on Inhibiting Microorganisms from

Vase Solutions of Cut ChrysanthemumFlowers (Dendranthemumgrandiffloracv.Yuko)on Culture Media

โดย                           นางสาววิริญจ์  อรรคธรรม

ชื่อปริญญา             วิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์)

ปีการศึกษา             2556

อาจารย์ที่ปรึกษา      อาจารย์ ดร.วิรญา  ครองยุติ

 

    ศึกษาประสิทธิภาพของสารสกัดจากพืชสมุนไพร5 ชนิด (ใบพลู ใบโหระพา ลำต้นตะไคร้ เหง้าขมิ้น และเหง้าข่า)ต่อการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ในน้ำปักแจกันของดอกเบญจมาศพันธุ์

ยูโกะโดยแบ่งเป็น 2 การทดลอง คือการทดลองที่ 1)ศึกษาฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ของพืชสมุนไพร5 ชนิด คือ ใบพลู ใบโหระพา ลำต้นตะไคร้ เหง้าขมิ้น และเหง้าข่าที่ความเข้มข้นเท่ากัน คือ 100,000 ppm ในน้ำปักแจกันของดอกเบญจมาศพันธุ์ยูโกะโดยทดสอบบนอาหารเลี้ยงเชื้อด้วยวิธี Disc diffusion methodพบว่าสารสกัดจากใบพลูสามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ได้ดีที่สุด  และการทดลองที่ 2)ศึกษาระดับความเข้มข้นของสารสกัดจากสมุนไพรที่เหมาะสมที่สุด ในการลดการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ในน้ำปักแจกันของดอกเบญจมาศพันธุ์ยูโกะโดยทดสอบบนอาหารเลี้ยงเชื้อด้วยวิธี Disc diffusion methodพบว่าสารสกัดจากใบพลู ที่ระดับความเข้มข้น 20,000ppm เป็นระดับความเข้มข้นที่เหมาะสมที่สุดในการลดการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ในน้ำปักแจกันของดอกเบญจมาศพันธุ์ยูโกะ ดังนั้น จากผลการทดลองครั้งนี้สามารถนำไปเป็นแนวทางในการประยุกต์ใช้เพื่อยืดอายุการปักแจกันของไม้ตัดดอกทดแทนการใช้สารเคมี และรักษาคุณภาพไม้ตัดดอกให้คงคุณภาพดีและก่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุดต่อไป



ผลของสารสกัดจากแหนแดงต่อการเจริญเติบโตและ ผลผลิตข้าวพื้นเมืองพันธุ์หอมทุ่งในสภาพแปลงทดลอง
ผู้วิจัย นายเอนกพงษ์ พรมชาติ | ปีที่พิมพ์ 2558 | อ่าน 88859 ครั้ง ดาวน์โหลด 7 ครั้ง

บทคัดย่อ

 

 

เรื่อง                   ผลของสารสกัดจากแหนแดงต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตข้าวพื้นเมือง

                          พันธุ์หอมทุ่งในสภาพแปลงทดลอง

                          Effects of Azolla Extract on Growth and Yield of Indigenous

                          Hawm Thung Rice in Plot Experiment

โดย                    นายเอนกพงษ์  พรมชาติ

ชื่อปริญญา           วิทยาศาสตรบัณฑิต  (เกษตรศาสตร์)

ปีการศึกษา           2558

อาจารย์ที่ปรึกษา    อาจารย์ ดร. สังวาล  สมบูรณ์

 

         งานวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาผลของสารสกัดจากแหนแดงต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตข้าวพันธุ์พื้นเมืองในสภาพแปลงทดลอง วางแผนการทดลองแบบ  Randomized Complete  Block  Design  (RCBD) ประกอบด้วย 4 กลุ่มทดลอง กลุ่มทดลองละ 5 ซ้ำ ขนาดแปลง 2 X 4 เมตร ผลการทดลองพบว่า สารสกัดแหนแดง (อัตรา 500 มิลลิลิตรต่อน้ำ 500 มิลลิลิตร) มีประสิทธิภาพมากที่สุด เนื่องจาก มีแนวโน้มให้จำนวนต้นต่อกอ จำนวนรวงต่อกอ น้ำหนักเฉลี่ยต่อกอมากที่สุดและมี น้ำหนักต่อรวง น้ำหนักเมล็ดดี 100 เมล็ด น้ำหนักผลผลิตเฉลี่ยต่อพื้นที่ 8 ตารางเมตร และน้ำหนักผลผลิตเฉลี่ย (ก.ก/ไร่) ดีที่สุดคือ 4.26 ต้นต่อกอ 5.20 รวงต่อกอ 337.40 กรัมต่อกอ 96.80 กรัมต่อรวง 58.40 กรัมต่อเมล็ดดี 100 เมล็ด 2.28 กิโลกรัมต่อแปลง และ 456 กิโลกรัมต่อไร่ นอกจากนี้ยังให้ความสูงเฉลี่ย ระดับปานกลางคือ 67.96 เซนติเมตร รองลงมาคือ น้ำหมักชีวภาพแหนแดง

มีแนวโน้มให้ความสูงเฉลี่ยของต้น มากที่สุดคือ 69.43 เซนติเมตร น้ำหนักเฉลี่ยต่อกอ และ     น้ำหนักผลผลิตเฉลี่ยปานกลางคือ 335 กรัมต่อกอ และ 1.70 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 8 ตารางเมตร

(336 กิโลกรัมต่อไร่) ในขณะที่ ปุ๋ยน้ำทางการค้า มีแนวโน้มให้ความสูงเฉลี่ยของต้นข้าวน้อยที่สุดคือ 57.56 เซนติเมตร และให้น้ำหนักผลผลิตเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ 1.60 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 8 ตารางเมตร

(320 กิโลกรัมต่อไร่) ดังนั้นการใช้สารสกัดหรือน้ำหมักชีวภาพจากแหนแดง ร่วมกับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์มีผลช่วยส่งเสริม การเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของข้าว



อิทธิพลของวัสดุคลุมดินต่อการเจริญเติบโต และการให้ผลผลิตข้าวโพดหวานและข้าวโพดข้าวเหนียว
ผู้วิจัย มนตรี แก่นคา และ ชฤทธิ์เดช แก่นจาปา | ปีที่พิมพ์ 2556 | อ่าน 90297 ครั้ง ดาวน์โหลด 169 ครั้ง

อิทธิพลของวัสดุคลุมดินต่อการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตข้าวโพดหวานและข้าวโพดข้าวเหนียว โดยวางแผนการทดลองแบบ 2x4 Factorial in RCBDมี 2 ปัจจัย คือ ชนิดพืช และวัสดุคลุมดิน ผลการทดลองพบว่า เมื่อสิ้นสุดการทดลอง( 85 วัน) เมื่อพิจารณาเฉพาะชนิดของวัสดุคลุมดิน พบว่า การใช้ชานอ้อยคลุมดินมีแนวโน้มให้ความสูงเฉลี่ยของต้นปานกลาง (124.05 ซม.) จานวนวันออกดอกเฉลี่ยเร็วที่สุด (51.35 ซม.) จานวนผลผลิตต่อต้นเฉลี่ย น้าหนักผลผลิตฝักสดเฉลี่ย และการให้ฝักข้าวโพดคุณภาพระดับเกรด A มากที่สุด รองลงมาคือ การไม่ใช้วัสดุคลุมดิน ส่วนน้อยที่สุดคือ การใช้แกลบดิบคลุมดิน แต่เมื่อพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างชนิดพืชกับวัสดุคลุมดิน พบว่า สาหรับข้าวโพดหวาน การใช้ฟางข้าวเป็นวัสดุคลุมดินมีความเหมาะสมมากที่สุด เนื่องจากมีความสูงเฉลี่ยของต้นปานกลาง (129.44 ซม.) น้าหนักผลผลิตฝักสดเฉลี่ยมากที่สุด ( 826.67 กิโลกรัมต่อไร่) และให้คุณภาพข้าวโพดเกรด A ปานกลาง เกรด B มากที่สุด ส่วนข้าวโพดข้าวเหนียว พบว่า การใช้ชานอ้อนเป็นวัสดุคลุมดินมีความเหมาะสมมากที่สุด เนื่องจาก มีความสูงเฉลี่ยของต้นปานกลาง (118.86 ซม.) จานวนวันออกดอกเร็วที่สุด (47.08 วัน) จานวนผลผลิตต่อต้นเฉลี่ยและน้าหนักของผลผลิตฝักสดเฉลี่ยมากที่สุด (1.20 ฝัก/ต้น และ 720 กิโลกรัม /ไร่ ตามลาดับ) นอกจากนี้ยังให้คุณภาพข้าวโพดเกรด A มากที่สุด



ผลของตัวทำละลายและอุณหภูมิที่มีต่อประสิทธิภาพการสกัด สารให้ความหวานจากหญ้าหวาน
ผู้วิจัย เยาวภา กลมพันธ์ และ อนุพงษ์ บุญทัน | ปีที่พิมพ์ 2556 | อ่าน 91695 ครั้ง ดาวน์โหลด 241 ครั้ง

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงอัตราส่วนใบหญ้าหวานแห้งต่อน้ำ และอุณหภูมิในการสกัดที่มีผลต่อ %TSS และค่าสีL* a* b* ของสารให้ความหวานจากหญ้าหวาน โดยแปรค่อัตราส่วนใบหญ้าหวานแห้งต่อน้ำในสัดส่วนที่แตกต่างกัน คือ 1:20 (w/v) 1:30 (w/v)และ 1:40 (w/v) และแปรอุณหภูมิการสกัดที่50 60 และ 70 ºC ระเหยที่อุณหภูมิ 80 ºC เป็นเวลา2 3 และ4 ชั่วโมง ตามลำดับ วัด % TSS และวัดค่าสี L* a* b* และศึกษาความแตกต่างของผลิตภัณฑ์น้ำเก๊กฮวยที่เติมน้ำตาลซูโครสและเติมสารสกัดจากหญ้าหวาน เพื่อทดสอบหาความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์ จากการวิจัยพบว่า อัตราส่วนใบหญ้าหวานแห้งต่อน้ำ และอุณหภูมิในการสกัด สกัดได้โดยมีค่าของแข็งที่ละลายน้ำอยู่ระหว่าง3.00ºBrix เมื่อผ่านการระเหยพบว่ามีค่าของแข็งที่ละลายน้ำเพิ่มขึ้นอยู่ในช่วง 3.00–6.06ºBrix ซึ่งมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ การวัดค่าสี L*a*b* อัตราส่วนหญ้าหวานแห้งต่อน้ำ ที่แตกต่างกันมีผลทำให้ค่าสี L*a*b* ของสารให้ความหวานจากหญ้าหวานแตกต่างกัน อุณหภูมิที่แตกต่างกันในการสกัดสารให้ความหวานจากหญ้าหวาน มีผลทำให้ค่าสี L*a*b*แตกต่างกัน และการประเมินความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์น้ำเก๊กฮวยที่เติมน้ำตาลซูโครสตามท้องตลาดและเติมสารสกัดสารให้ความหวานจากหญ้าหวานเพื่อประเมินความแตกต่างของผลิตภัณฑ์น้ำเก๊กฮวยพบว่า น้ำเก๊กฮวยที่เติมสารสกัดสารให้ความหวานจากหญ้าหวาน จำนวนผู้ทดสอบ 30 คน โดยผู้ทดสอบทั้ง 30 คน ตอบว่าแตกต่างกัน


เข้าสู่ระบบ