งานวิจัยที่มีผู้เข้าดูมากที่สุด

ชื่อเรื่อง ประเภทงานวิจัย ปีที่พิมพ์ อ่าน รายละเอียด
การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร 2555
93098
อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
93060
การใช้นํ้าหมักชีวภาพต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของผักกาดหอมเรดโอ๊คที่ปลูก ในระบบไฮโดรโปนิกส์ งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
92430

งานวิจัยที่มีผู้เข้าดาวน์โหลดมากที่สุด

ชื่อเรื่อง ประเภทงานวิจัย ปีที่พิมพ์ ดาวน์โหลด รายละเอียด
การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร 2555
356
อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
570
การใช้นํ้าหมักชีวภาพต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของผักกาดหอมเรดโอ๊คที่ปลูก ในระบบไฮโดรโปนิกส์ งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
345

อิทธิพลของ Heiter และน้ำมะนาว ต่อการยืดอายุการปักแจกันของใบเฟิน- นาคราชชนิดใบหยาบ
ผู้วิจัย ปนัดดา สุภาษร | ปีที่พิมพ์ 2557 | อ่าน 88779 ครั้ง ดาวน์โหลด 10 ครั้ง

บทคัดย่อ

 

เรื่อง                  อิทธิพลของ Heiter และน้ำมะนาว ต่อการยืดอายุการปักแจกันของใบเฟิน-

นาคราชชนิดใบหยาบ

Effect of Heiter and Lemonade on Vase Life of Polynesian Foot Fern

(Davallia solida)

โดย                    นางสาวปนัดดา  สุภาษร

ชื่อปริญญา          วิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์)

ปีการศึกษา          2557

อาจารย์ที่ปรึกษา   อาจารย์ ดร.สุจิตรา  สืบนุการณ์

 

ศึกษาอิทธิพลของ Heiter และน้ำมะนาว ต่อการยืดอายุการปักแจกันของใบเฟินนาคราชชนิดใบหยาบ โดยวางแผนการทดลองแบบ 6x 5Factorial in Completely Randomized Design

เปรียบเทียบกับชุดควบคุม (น้ำประปา) รวมทั้งหมด 31 กลุ่มทดลอง แต่ละกลุ่มทดลองมี 10 ซ้ำ ซ้ำละ 1 ก้าน เป็นเวลา 26 วัน ผลการทดลอง พบว่า การใช้สารละลาย Heiter 0.1% ร่วมกับน้ำมะนาวสำเร็จรูป 20 ml มีประสิทธิภาพมากที่สุด เนื่องจากสามารถยืดอายุการปักแจกันเฉลี่ยได้นานที่สุด คือ 21.10 วัน มีเปอร์เซ็นต์การเหลืองของใบน้อยที่สุดเมื่อสิ้นสุดการทดลอง (26 วัน) คือ 31.76% ของพื้นที่ใบทั้งหมด และมีเปอร์เซ็นต์การสูญเสียน้ำหนักสดปานกลาง คือ 9.36% รองลงมาได้แก่ การใช้สารละลาย Heiter 0.1% ร่วมกับน้ำมะนาวสำเร็จรูป 15 ml หรือ 5 ml มีอายุการปักแจกันเฉลี่ย 20.80 วัน และ 20.00 วัน ตามลำดับ และมีเปอร์เซ็นต์การสูญเสียน้ำหนักสด เท่ากับ 9.40% และ 4.93% ตามลำดับ นอกจากนี้ พบว่า การใช้สารละลาย Heiter ร่วมกับ น้ำมะนาวสำเร็จรูปในความเข้มข้นที่สูงขึ้น ส่งผลให้ค่า pH ของสารละลายมีความเป็นด่างมากขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสี ของใบจากสีเขียวเป็นสีเหลืองอย่างรวดเร็ว ดังนั้นหากต้องการยืดอายุการปักแจกันของใบเฟินนาคราชชนิดใบหยาบ ควรใช้ความเข้มข้นของสารละลาย Heiter เท่ากับ 0.1% ร่วมกับการแปรผันความเข้มข้นของน้ำมะนาวสำเร็จรูประหว่าง 5-20 ml และควรปรับ pH ของสารละลายให้มีสภาพเป็นกรด (pH 3-4) จะทำให้สามารถยืดอายุการปักแจกันเฉลี่ยได้นานกว่าชุดควบคุม (น้ำประปา) ที่มีอายุการปักแจกันเฉลี่ยเพียง 16.39 วัน และมีความแตกต่างกันทางสถิติ (p=0.01)

คำสำคัญ  ใบเฟินนาคราชชนิดใบหยาบ  Heiter  น้ำมะนาวสำเร็จรูป  การยืดอายุการปักแจกัน



อัตราปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ต่อการเจริญเติบโตของข้าว ขาวดอกมะลิ 105 ในพื้นที่ อาเภอวารินชาราบ จังหวัดอุบลราชธานี
ผู้วิจัย สุภาวดี ทองลี | ปีที่พิมพ์ 2557 | อ่าน 88226 ครั้ง ดาวน์โหลด 8 ครั้ง

บทคัดย่อ
เรื่อง อัตราปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ต่อการเจริญเติบโตของข้าว
ขาวดอกมะลิ 105 ในพื้นที่ อาเภอวารินชาราบ จังหวัดอุบลราชธานี
Chemical and Organic Fertilizer Rates on Growth and Yield of
KDML 105 Rice in Warinchamrab District,
Ubonratchathani Province
โดย นางสาวสุภาวดี ทองลี
ชื่อปริญญา วิทยาศาสตรบัณทิต (เกษตรศาสตร์)
ปีการศึกษา 2557
อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ โดม หาญพิชิตวิทยา
การศึกษาอัตราปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ต่อการเจริญเติบโตของข้าวขาวดอกมะลิ 105 โดยวางแผนการทดลองแบบ Randomized Complete Block Design (RCBD) จานวน 5 กลุ่มทดลองๆ ละ 3 ซ้า ขนาดแปลงทดลอง 2x5 เมตร จานวน 15 แปลงย่อย ผลการทดลองพบว่า
การใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-8 อัตรา 6 กิโลกรัมต่อไร่ สูตร 0-0-60 อัตรา 6 กิโลกรัมต่อไร่และสูตร 46-0-0 อัตรา 5 กิโลกรัมต่อไร่ หว่านเมื่อต้นข้าวอายุ 30 วัน และปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 อัตรา 7 กิโลกรัมต่อไร่ ในระยะกาเนิดช่อดอก มีประสิทธิภาพมากที่สุด ให้ความสูงเฉลี่ย จานวนรวงต่อตารางเมตร น้าหนักผลผลิตเฉลี่ย และดัชนีการเก็บเกี่ยวสูงที่สุดคือ 129 เซนติเมตร 278 รวงต่อตารางเมตร 347 กิโลกรัมต่อไร่ และ 0.53 ตามลาดับ นอกจากนี้ยังมีเปอร์เซ็นต์เมล็ดลีบน้อยที่สุด 6 เปอร์เซ็นต์ และมีความแตกต่างกันทางสถิติ (p= 0.01) รองลงมาคือ การใส่ปุ๋ยคอกมูลวัว อัตรา 200 กิโลกรัมต่อไร่หว่านก่อนหว่านข้าว กับ ปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-8 อัตรา 6 กิโลกรัมต่อไร่ สูตร 0-0-60 อัตรา 6กิโลกรัมต่อไร่และสูตร 46-0-0 อัตรา 5 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อข้าวอายุได้ 30 วัน และปุ๋ยสูตร 46-0-0 อัตรา 7 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่อข้าวอยู่ในระยะกาเนิดช่อดอก มีความสูงเฉลี่ย จานวนรวงต่อตารางเมตร น้าหนักผลผลิตเฉลี่ย ดัชนีการเก็บเกี่ยว และเปอร์เซ็นต์เมล็ดลีบ เท่ากับ 122 เซนติเมตร 244 รวงต่อตารางเมตร 294 กิโลกรัมต่อไร่ 0.52 และ 9 เปอร์เซ็นต์ ตามลาดับ ดังนั้นการใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์
ดินช่วยให้เกษตรกรได้ผลผลิตข้าวที่เพิ่มขึ้นและยังช่วยลดปัจจัยการผลิตด้านปุ๋ยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คาสาคัญ ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยคอกมูลวัว



การเปรียบเทียบวิธีการผลิตชาใบย่านางผสมใบเตยแบบอบลมร้อนกับแบบดั้งเดิม
ผู้วิจัย ธนาภรณ์ ศรีเสมอ และ สุริวิมล ศรีโนนยาง | ปีที่พิมพ์ 2556 | อ่าน 90739 ครั้ง ดาวน์โหลด 76 ครั้ง

งานวิจัยนี้ได้ทำการศึกษารูปแบบอุณหภูมิและเวลาการอบแห้งด้วยวิธีอบลมร้อนชาใบย่านางผสมใบเตย ศึกษาความแตกต่างของปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดและกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระ ศึกษาอายุการเก็บรักษาและศึกษาการยอมรับของผู้บริโภค ของชาใบย่านางผสมใบเตยที่ผลิตแบบวิธีดั้งเดิมและวิธีอบลมร้อน รูปแบบที่เหมาะสมในการผลิตชาใบย่านางผสมใบเตยด้วยวิธีอบลมร้อน พบว่าอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ อุณหภูมิ 60 °C นาน 7 ชั่วโมง มีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดและกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระทั้งหมด เท่ากับ 15.72 มิลลิกรัมสมมูลย์กรดแกลลิกต่อกรัม (น้ำหนักแห้ง) และ 86.96 % Inhibition ตามลำดับ ความแตกต่างของปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดและกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระของชาใบย่านางผสมใบเตยที่ผลิตแบบดั้งเดิมกับการอบลม-ร้อน ระยะเวลาการเก็บรักษานาน 6 สัปดาห์ มีการเพิ่มของปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดถึงสัปดาห์ที่ 3 และปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ 4 5 และ 6 กิจกรรมการ-ต้านอนุมูลอิสระในชาใบย่านางผสมใบเตยที่เก็บรักษาที่อุณหภูมิ 40 °C และ 50 °C พบว่ากิจกรรม-การต้านอนุมูลอิสระแบบวิธีการอบลมร้อนมีกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระต่ำกว่าแบบดั้งเดิมที่ระยะเวลาการเก็บรักษา 6 สัปดาห์ การประเมินการยอมรับของผู้บริโภคต่อสี กลิ่น ความชอบ-โดยรวมผู้บริโภคให้การยอมรับแบบดั้งเดิมมากที่สุด และความชอบต่อรสชาติวิธีอบลมร้อนผู้บริโภคให้การยอมรับมากที่สุด โดยอายุการเก็บรักษาของวิธีแบบดั้งเดิมและวิธีอบลมร้อน ที่อุณหภูมิห้อง (25 °C) มีอายุการเก็บรักษา 5 สัปดาห์ และ 7 สัปดาห์ ตามลำดับ ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากความชื้นพบว่าชาใบย่านางผสมใบเตยที่ผลิตแบบดั้งเดิม ที่อุณหภูมิ 50 °C เป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะมีการสูญเสียสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดและกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระ สูญเสียความชื้นน้อย ค่าสีเขียวยังคงอยู่มากกว่าและการยอมรับของผู้บริโภคมากที่สุด



การใช้ฟางข้าวเพื่อทดแทนขี้เลื่อยในการเพาะเห็ดแครง
ผู้วิจัย ศิรินันท์ ศิริยา | ปีที่พิมพ์ 2557 | อ่าน 90798 ครั้ง ดาวน์โหลด 101 ครั้ง

บทคัดย่อ
เรื่อง การใช้ฟางข้าวเพื่อทดแทนขี้เลื่อยในการเพาะเห็ดแครง
Using Rice Straw to Substitute Sawdust for Spilt Gill Mushroom
(Schizophyllum commune) Production
โดย นางสาวศิรินันท์ ศิริยา
ชื่อปริญญา วิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์)
ปีการศึกษา 2557
อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ ดร. เสกสรร ชินวัง
ศึกษาการใช้ฟางข้าวเพื่อทดแทนขี้เลื่อยในการเพาะเห็ดแครง วางแผนการทดลองแบบ Randomized Complete Block Design ( RCBD ) แบ่งการทดลองออกเป็น 5 กลุ่มทดลอง ๆ ละ 3 ซ้า ๆ ละ 5 ถุง ๆ ละ 320 กรัม โดยให้ กลุ่มทดลองที่ 1 ขี้เลื่อย 100% (Control) กลุ่มทดลองที่
2 ขี้เลื่อย 75% ฟางข้าว 25% กลุ่มทดลองที่ 3 ขี้เลื่อย 50% ฟางข้าว 50% กลุ่มทดลองที่ 4 ขี้เลื่อย 25% ฟางข้าว 75% และ กลุ่มทดลองที่ 5 ฟางข้าว 100% พบว่าการใช้ฟางข้าว 100% เป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมมากที่สุดและสามารถใช้ทดแทนขี้เลื่อยเป็นอย่างดี เนื่องจาก มีระยะเวลาในการบ่มเชื้อเร็วที่สุด มีจานวนดอกเห็ดเฉลี่ย และน้าหนักผลผลิตสดเฉลี่ยมากที่สุด คือ 15.1 วัน 79 ดอกต่อถุง และ 20.5 กรัม ตามลาดับ รองลงมา ได้แก่ การใช้ขี้เลื่อย 25% ฟางข้าว 75% มีระยะการบ่มตัวของเชื้อ และน้าหนักผลผลิตสดเฉลี่ยปานกลาง คือ 16.1 วัน และ 18.7 กรัม ตามลาดับ แต่ให้จานวนดอกเฉลี่ยไม่แตกต่างทางสถิติกับ ฟางข้าว 100% คือมีจานวนดอกเฉลี่ยมากที่สุดเท่ากับ 78.5 ดอกต่อถุง ในขณะที่การใช้ขี้เลื่อย 100% เป็นวัสดุเพาะไม่แนะนาให้ใช้ในการเพาะเห็ดแครง เนื่องจาก ระยะเวลาในการบ่มตัวของเชื้อเห็ดช้าที่สุด (21 วัน) และมีปริมาณดอกเห็ดเฉลี่ยและน้าหนักผลผลิตสดเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ 57.1 ดอก/ถุง และ 15.2 กรัม/ถุง และเมื่อศึกษาผลกระทบของอัตราส่วนของฟางข้าวในวัสดุเพาะ พบว่าการเพิ่มฟางข้าวให้มากขึ้นส่งผลให้มีระยะเวลาในการบ่มตัวของเชื้อเห็ดก่อนการออกดอกเร็วขึ้น จานวนดอกเห็ดเฉลี่ย และน้าหนักผลผลิตสดเฉลี่ยเพิ่มมากขึ้นตามลาดับ
คาสาคัญ เห็ดแครง ฟางข้าว และผลผลิต


สล็อตออนไลน์ เครดิตโบนัสได้เงินจริง slot938


เข้าสู่ระบบ