งานวิจัยที่มีผู้เข้าดูมากที่สุด

ชื่อเรื่อง ประเภทงานวิจัย ปีที่พิมพ์ อ่าน รายละเอียด
การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร 2555
93051
อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
93012
การใช้นํ้าหมักชีวภาพต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของผักกาดหอมเรดโอ๊คที่ปลูก ในระบบไฮโดรโปนิกส์ งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
92395

งานวิจัยที่มีผู้เข้าดาวน์โหลดมากที่สุด

ชื่อเรื่อง ประเภทงานวิจัย ปีที่พิมพ์ ดาวน์โหลด รายละเอียด
การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร 2555
356
อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
570
การใช้นํ้าหมักชีวภาพต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของผักกาดหอมเรดโอ๊คที่ปลูก ในระบบไฮโดรโปนิกส์ งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
345

ผลของชนิดบรรจุภัณฑ์ต่อคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของ ผักกวางตุ้งโชว์จีนที่ปลูกในระบบไฮโดรโปนิกส์
ผู้วิจัย นายประพันธ์ ทิมา | ปีที่พิมพ์ 2558 | อ่าน 88520 ครั้ง ดาวน์โหลด 43 ครั้ง

บทคัดย่อ

 

 

เรื่อง                       ผลของชนิดบรรจุภัณฑ์ต่อคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของผักกวางตุ้งโชว์จีน ที่ปลูกในระบบไฮโดรโปนิกส์

                               Effect of Packaging on Postharvest Quality of Chinese Cabbage-           

                               PAI TSAI (Brassica pekinensis L.) in HydroponicsSystem

โดย                         นายประพันธ์  ทิมา

ชื่อปริญญา                วิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์)

ปีการศึกษา                2558

อาจารย์ที่ปรึกษา          อาจารย์ ดร. วิรญา  ครองยุติ

 

   การศึกษาผลของชนิดบรรจุภัณฑ์ต่อคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของผักกวางตุ้งโชว์จีนที่ปลูกในระบบไฮโดรโปนิกส์ โดยนำผักกวางตุ้งโชว์จีนที่มีอายุการเก็บเกี่ยว 35 วัน มาบรรจุในบรรจุภัณฑ์    ชนิดต่างๆ ได้แก่ ถุงพลาสติกชนิดโพลีเอทธิลีน (Polyethylene; PE) เจาะ 2 รู ถุงพลาสติก          โพลีเอทธิลีนผสมสารเติมแต่งบางชนิด (ถุง Active) ไม่เจาะรู  ถุงพลาสติกโพลีเอทธิลีนผสมสารเติมแต่งบางชนิดเจาะ 2 รู และเปรียบเทียบกับถุงพลาสติกชนิดโพลีเอทธิลีนไม่เจาะรู (ชุดควบคุม)     เก็บรักษาที่อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 90 เปอร์เซ็นต์ ทำการวิเคราะห์ผลทุกๆ วัน           จนหมดอายุการเก็บรักษา โดยวิเคราะห์เปอร์เซ็นต์การสูญเสียน้ำหนักสด การเปลี่ยนแปลงสีใบ คะแนนการเปลี่ยนแปลงสภาพภายนอก ปริมาณวิตามินซี ปริมาณคลอโรฟิลล์เอ ปริมาณคลอโรฟิลล์บี ปริมาณคลอโรฟิลล์รวม และอายุการเก็บรักษา ซึ่งผลที่ได้พบว่าผักกวางตุ้งโชว์จีนที่บรรจุในถุงพลาสติกชนิด PE ผสมสารเติมแต่งบางชนิด ไม่เจาะรู สามารถลดการสูญเสียน้ำหนักสด      ปริมาณวิตามินซี ปริมาณคลอโรฟิลล์ เอ ปริมาณคลอโรฟิลล์ บี ปริมาณคลอโรฟิลล์รวมทั้งหมด  และมีคะแนนสภาพภายนอกทีดี อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาอายุการเก็บรักษา พบว่าผักกวางตุ้งโชว์จีนที่บรรจุในถุง PE ผสมสารเติมแต่งบางชนิด ไม่เจาะรู สามารถเก็บรักษาได้ 15 วัน ซึ่งให้ค่าไม่แตกต่างกันทางสถิติกับชุดควบคุมที่มีอายุการเก็บรักษา 14.33 วัน นั่นคือ การบรรจุในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ไม่มีผลในการยืดอายุการเก็บรักษาผักกวางตุ้งโชว์จีน



การเปรียบเทียบวิธีการผลิตชาใบย่านางผสมใบเตยแบบอบลมร้อนกับแบบดั้งเดิม
ผู้วิจัย ธนาภรณ์ ศรีเสมอ และ สุริวิมล ศรีโนนยาง | ปีที่พิมพ์ 2556 | อ่าน 90695 ครั้ง ดาวน์โหลด 76 ครั้ง

งานวิจัยนี้ได้ทำการศึกษารูปแบบอุณหภูมิและเวลาการอบแห้งด้วยวิธีอบลมร้อนชาใบย่านางผสมใบเตย ศึกษาความแตกต่างของปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดและกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระ ศึกษาอายุการเก็บรักษาและศึกษาการยอมรับของผู้บริโภค ของชาใบย่านางผสมใบเตยที่ผลิตแบบวิธีดั้งเดิมและวิธีอบลมร้อน รูปแบบที่เหมาะสมในการผลิตชาใบย่านางผสมใบเตยด้วยวิธีอบลมร้อน พบว่าอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ อุณหภูมิ 60 °C นาน 7 ชั่วโมง มีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดและกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระทั้งหมด เท่ากับ 15.72 มิลลิกรัมสมมูลย์กรดแกลลิกต่อกรัม (น้ำหนักแห้ง) และ 86.96 % Inhibition ตามลำดับ ความแตกต่างของปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดและกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระของชาใบย่านางผสมใบเตยที่ผลิตแบบดั้งเดิมกับการอบลม-ร้อน ระยะเวลาการเก็บรักษานาน 6 สัปดาห์ มีการเพิ่มของปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดถึงสัปดาห์ที่ 3 และปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ 4 5 และ 6 กิจกรรมการ-ต้านอนุมูลอิสระในชาใบย่านางผสมใบเตยที่เก็บรักษาที่อุณหภูมิ 40 °C และ 50 °C พบว่ากิจกรรม-การต้านอนุมูลอิสระแบบวิธีการอบลมร้อนมีกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระต่ำกว่าแบบดั้งเดิมที่ระยะเวลาการเก็บรักษา 6 สัปดาห์ การประเมินการยอมรับของผู้บริโภคต่อสี กลิ่น ความชอบ-โดยรวมผู้บริโภคให้การยอมรับแบบดั้งเดิมมากที่สุด และความชอบต่อรสชาติวิธีอบลมร้อนผู้บริโภคให้การยอมรับมากที่สุด โดยอายุการเก็บรักษาของวิธีแบบดั้งเดิมและวิธีอบลมร้อน ที่อุณหภูมิห้อง (25 °C) มีอายุการเก็บรักษา 5 สัปดาห์ และ 7 สัปดาห์ ตามลำดับ ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากความชื้นพบว่าชาใบย่านางผสมใบเตยที่ผลิตแบบดั้งเดิม ที่อุณหภูมิ 50 °C เป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะมีการสูญเสียสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดและกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระ สูญเสียความชื้นน้อย ค่าสีเขียวยังคงอยู่มากกว่าและการยอมรับของผู้บริโภคมากที่สุด



ผลของไคโตซานและปุ๋ยน้ำหมักอินทรีย์ ต่อการเข้าทำลายของแมลงศัตรูแตงกวา
ผู้วิจัย นายกิติ บำเพ็ญ | ปีที่พิมพ์ 2558 | อ่าน 88451 ครั้ง ดาวน์โหลด 7 ครั้ง

บทคัดย่อ

 

 

เรื่อง                  ผลของไคโตซานและปุ๋ยน้ำหมักอินทรีย์ต่อการเข้าทำลายของแมลงศัตรูแตงกวา

                        Effects of Chitosan and Bio-Stimulant on Cucumber Insect  Pests

โดย                  นายกิติ  บำเพ็ญ

ชื่อปริญญา          วิทยาศาสตรบัณฑิต  (เกษตรศาสตร์)

ปีการศึกษา          2558

อาจารย์ที่ปรึกษา   อาจารย์  ดร. สังวาล  สมบูรณ์       

 

        ศึกษาผลของไคโตซานและปุ๋ยน้ำหมักอินทรีย์ต่อการเข้าทำลายของแมลงศัตรูแตงกวาวางแผนการทดลองแบบ Randomized Completely Block Design  (RCBD) แบ่งเป็น  4  กลุ่มทดลองๆ ละ 3 ซ้ำ ซ้ำละ 1 แปลง ขนาด 2X4 เมตร รวมทั้งสิ้นจำนวน 12 แปลง หลังจากฉีดพ่นไปครั้งที่ 1 นับจำนวนแมลงและนำมาหาค่าเปอร์เซ็นต์การลดลง พบว่า การฉีดพ่นด้วยน้ำหมักอินทรีย์ มีประสิทธิภาพในการควบคุม เพลี้ยอ่อน และมีแนวโน้มควบคุมแมลงหวี่ขาวได้ดีที่สุด คือ    มีเปอร์เซ็นต์การลดลง เท่ากับ 50.75 และ 66.28 % ตามลำดับ ในขณะที่ หนอนกระทู้และแมลงศัตรูพืชในภาพรวม การใช้ไคโตซาน มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยมี เปอร์เซ็นต์การลดลง เท่ากับ 100 และ 46.85 % ตามลำดับ หลังจากนี้อีก 7 วัน ทำการฉีดพ่นด้วยสารครั้งที่ 2 นับจำนวนแมลงและนำมาหาค่าเปอร์เซ็นต์การลดลง พบว่า แปลงที่ฉีดด้วยไคโตซานร่วมกับน้ำหมักอินทรีย์มีประสิทธิ์ภาพมากที่สุดในการควบคุมเพลี้ยอ่อน แมลงหวี่ขาว แมลงชนิดอื่นๆ และแมลงศัตรูพืชในภาพรวม โดยมีเปอร์เซ็นต์การลดลงเท่ากับ 48.52 30.97 84.75 และ 52.82 % และยังสามารถควบคุมไม่ให้มีจำนวนหนอนกระทู้ เพิ่มขึ้น โดยมีเปอร์เซ็นต์การลดลงเท่ากับ 0 % ดังนั้น หากต้องการแนะนำให้เกษตรกรปลูกแตงกวาปลอดสารพิษ หรือใช้สารอินทรีย์ในการควบคุมแมลงศัตรูพืช แนะนำให้ใช้ไคโตซานร่วมกับน้ำหมักอินทรีย์ โดยทำการฉีดพ่นมากกว่า 1 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 7 วัน จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถควบคุมแมลงศัตรูแตงกวาได้หลากหลายชนิด รองลงมาคือการใช้ไคโตซาน และน้ำหมักอินทรีย์ ตามลำดับ



ผลของปุ๋ยน้าจากแหนแดงต่อการเจริญเติบโตของหอมแบ่ง
ผู้วิจัย นางสาวปิยณี ดาราช | ปีที่พิมพ์ 2556 | อ่าน 91363 ครั้ง ดาวน์โหลด 187 ครั้ง

บทคัดย่อ
เรื่อง ผลของปุ๋ยน้าจากแหนแดงต่อการเจริญเติบโตของหอมแบ่ง
Effect Of Azolla Compost Fertilizer On Growth Of Onion
โดย นางสาวปิยณี ดาราช
ชื่อปริญญา วิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์)
ปีการศึกษา 2556
อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ ดร. สังวาล สมบูรณ์
การศึกษาผลของปุ๋ยน้าจากแหนแดงต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตหอมแบ่งโดยวางแผนการทดลองแบบ Completely Randomized Design (RCD) มี 6 กรรมวิธีได้แก่ กรรมวิธีที่ 1.ปุ๋ยคอก+ปุ๋ยแหนแดง (2,000 กก./ ไร่ + 50 ซีซี / น้า 20 ลิตร พ่นทุก 5 วัน) กรรมวิธีที่ 2. ปุ๋ยเคมี+ปุ๋ยแหนแดง (50 กก./ ไร่ + 50 ซีซี / น้า 20 ลิตร พ่นทุก 5 วัน) กรรมวิธีที่ 3. ปุ๋ยน้าแหนแดง อัตรา 50 ซีซี / น้า 20 ลิตรพ่น กรรมวิธีที่ 4. ปุ๋ยคอก อัตรา 4 ตัน / ไร่ กรรมวิธีที่ 5. ปุ๋ยเคมีสูตร 20 - 10 - 20 อัตรา 100 กก./ ไร่ กรรมวิธีที่ 6. ไม่ใส่ปุ๋ย (ควบคุม) วัดความสูงของหอมแบ่งในช่วงระยะการเจริญเติบโตทุกๆ สัปดาห์และน้าหนักสดเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิต ผลการทดลองพบว่า หอมแบ่งที่กรรมวิธีแตกต่างกันมีผลทาให้จานวนผลผลิตที่ได้แตกต่างกันทางสถิติอย่างมีนัยสาคัญยิ่ง ส่วนจานวนหัวกลีบที่แตกกอพบว่า ที่กรรมวิธีปลูกแตกต่างกันไม่มีผลทาให้จานวนหัวกลีบที่แตกกอของหอมแบ่งแตกต่างกัน น้าหนักผลเฉลี่ยและน้าหนักสดเมื่อสิ้นสุดการทดลองพบว่า กรรมวิธีที่ 2. ปุ๋ยเคมี+ปุ๋ยแหนแดง (50 กก./ ไร่ + 50 ซีซี / น้า 20 ลิตร พ่นทุก 5 วัน) ส่งผลให้หอมแบ่งมีการเจริญเติบโต และ ให้ผลผลิตมากที่สุด


เข้าสู่ระบบ