งานวิจัยที่มีผู้เข้าดูมากที่สุด
| ชื่อเรื่อง | ประเภทงานวิจัย | ปีที่พิมพ์ | อ่าน | รายละเอียด |
|---|---|---|---|---|
| การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง | งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร | 2555 | ||
| อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 | งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ | 2556 | ||
| ประสิทธิภาพของสารจากพืชในการควบคุมมอดแป้ง | งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ | 2556 |
งานวิจัยที่มีผู้เข้าดาวน์โหลดมากที่สุด
| ชื่อเรื่อง | ประเภทงานวิจัย | ปีที่พิมพ์ | ดาวน์โหลด | รายละเอียด |
|---|---|---|---|---|
| การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง | งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร | 2555 | ||
| อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 | งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ | 2556 | ||
| ประสิทธิภาพของสารจากพืชในการควบคุมมอดแป้ง | งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ | 2556 |
ผู้วิจัย นางสาวปนัดดา เยื่อใย และคณะ | ปีที่พิมพ์ 2559 | อ่าน 88820 ครั้ง ดาวน์โหลด 36 ครั้ง
บทคัดย่อ
การทดลองนี้ใช้ไก่ไข่ 100 ตัว ระยะเวลาทดสอบ 13 สัปดาห์ ประกอบด้วย 2 การทดลอง การทดลองที่ 1 การใช้ผักหนามซึ่งมีองค์ประกอบของฮอร์โมนจากพืช (Phytoestrogen) บดผสมในสูตรอาหารไก่ไข่ประกอบด้วย T1 แกลบบด 3% T2 ผักหนาม 1% T3 ผักหนาม 2% T4 ผักหนาม 3% T5 กลุ่มอาหารควบคุม ผลการทดลองพบว่าการใช้ผักหนามในระดับ 1% ให้ผลดีที่สุดต่อสมรรถภาพการผลิตของไก่ไข่ แสดงว่าระดับฮอร์โมนที่ได้รับจากผักหนาม 1% สมดุลในการส่งเสริมการให้ไข่ดีที่สุด การทดลองที่ 2 การใช้พืชโปรตีนสูง (High Protein Plants) ผสมในสูตรอาหารไก่ไข่ ประกอบด้วย T1 ใบมะรุม 3% T2 ใบกระถิน 3% T3 ใบมันสำปะหลัง 3% T4 ใบหม่อน 3% T5 อาหารควบคุม ผลของการทดลองพบว่าการใช้ใบหม่อนและใบมันสำปะหลังให้ผลดีที่สุดและใช้อาหารในการเปลี่ยนเป็นไข่น้อยที่สุด
คำสำคัญ ผักหนาม แกลบ ใบมันสำปะหลัง ใบหม่อน ใบมะรุม ใบกระถิน
Abstract
This experiment used 100 hens for 13 week trials. The Trials were divided into two experimental groups. The first expeniment containet 5 treatments as; T1.Husk 3% T2.Lasia spinosa 1% T3.Lasia spinosa 2% T4.Lasia spinosa 3% T5.Control feed. The resuets found that T2 Lasia 1% showed a higest perfomance on egg production. The second experiment contained 5 treatments ; T1. Moringa leaves 3% T2. Acacia leaves 3% T3. Cassava leaves 3% T4. Mulberry Leaves 3% T5. Control feed. The results showed that the use of mulberry leaves and cassava leaves gave the best results.
Keyword : Lasia spinosa, Husk , mulberry leaves, Mulberry Leaves, Moringa leave, Acacia leaves
ผู้วิจัย สิทธิพร ศิริไทย | ปีที่พิมพ์ 2556 | อ่าน 90109 ครั้ง ดาวน์โหลด 14 ครั้ง
ศึกษาผลของกรดซาลิไซลิกต่อการเจริญเติบโตและลักษณะทางสรีรวิทยาบางประการของข้าวเจ้าหอมนิล ในระยะต้นกล้าภายใต้สภาวะแห้งแล้ง แบ่งเป็น 6 กลุ่มทดลอง ได้แก่ กลุ่มที่ได้รับน้าปกติ กลุ่มแล้ง และกลุ่มที่ได้รับการพ่นสารละลายกรดซาลิไซลิก ความเข้มข้น 0.25, 0.5, 0.75 และ 1 มิลลิโมลาร์ ทาการเพาะเมล็ดและปลูกในกระถางบรรจุดินเป็นเวลา 14 วัน งดให้น้า 7 วัน ผลการทดลองพบว่าสภาวะแล้งส่งผลให้การเจริญเติบโตของต้นกล้าข้าวหอมนิลลดลง ยกเว้นความยาวราก ส่วนกรดซาลิไซลิกช่วยให้ต้นกล้าข้าวหอมนิลมีความสามารถในการทนแล้งได้ดีขึ้นโดยทาให้ความยาวราก น้าหนักสดรากและลาต้น และน้าหนักแห้งลาต้นเพิ่มขึ้น แต่ไม่มีผลต่อลักษณะทางสรีรวิทยาบางประการของต้นกล้าข้าวหอมนิล ทั้งนี้จากการทดลองสามารถสรุป ได้ว่ากรดซาลิไซลิกความเข้มข้น 0.25 มิลลิโมลาร์ มีแนวโน้มทาให้ต้นกล้าข้าวหอมนิลมีความสามารถในการทนแล้งได้ดีที่สุด
ผู้วิจัย ธนาภรณ์ ศรีเสมอ และ สุริวิมล ศรีโนนยาง | ปีที่พิมพ์ 2556 | อ่าน 93017 ครั้ง ดาวน์โหลด 76 ครั้ง
งานวิจัยนี้ได้ทำการศึกษารูปแบบอุณหภูมิและเวลาการอบแห้งด้วยวิธีอบลมร้อนชาใบย่านางผสมใบเตย ศึกษาความแตกต่างของปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดและกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระ ศึกษาอายุการเก็บรักษาและศึกษาการยอมรับของผู้บริโภค ของชาใบย่านางผสมใบเตยที่ผลิตแบบวิธีดั้งเดิมและวิธีอบลมร้อน รูปแบบที่เหมาะสมในการผลิตชาใบย่านางผสมใบเตยด้วยวิธีอบลมร้อน พบว่าอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ อุณหภูมิ 60 °C นาน 7 ชั่วโมง มีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดและกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระทั้งหมด เท่ากับ 15.72 มิลลิกรัมสมมูลย์กรดแกลลิกต่อกรัม (น้ำหนักแห้ง) และ 86.96 % Inhibition ตามลำดับ ความแตกต่างของปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดและกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระของชาใบย่านางผสมใบเตยที่ผลิตแบบดั้งเดิมกับการอบลม-ร้อน ระยะเวลาการเก็บรักษานาน 6 สัปดาห์ มีการเพิ่มของปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดถึงสัปดาห์ที่ 3 และปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ 4 5 และ 6 กิจกรรมการ-ต้านอนุมูลอิสระในชาใบย่านางผสมใบเตยที่เก็บรักษาที่อุณหภูมิ 40 °C และ 50 °C พบว่ากิจกรรม-การต้านอนุมูลอิสระแบบวิธีการอบลมร้อนมีกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระต่ำกว่าแบบดั้งเดิมที่ระยะเวลาการเก็บรักษา 6 สัปดาห์ การประเมินการยอมรับของผู้บริโภคต่อสี กลิ่น ความชอบ-โดยรวมผู้บริโภคให้การยอมรับแบบดั้งเดิมมากที่สุด และความชอบต่อรสชาติวิธีอบลมร้อนผู้บริโภคให้การยอมรับมากที่สุด โดยอายุการเก็บรักษาของวิธีแบบดั้งเดิมและวิธีอบลมร้อน ที่อุณหภูมิห้อง (25 °C) มีอายุการเก็บรักษา 5 สัปดาห์ และ 7 สัปดาห์ ตามลำดับ ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากความชื้นพบว่าชาใบย่านางผสมใบเตยที่ผลิตแบบดั้งเดิม ที่อุณหภูมิ 50 °C เป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะมีการสูญเสียสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดและกิจกรรมการต้านอนุมูลอิสระ สูญเสียความชื้นน้อย ค่าสีเขียวยังคงอยู่มากกว่าและการยอมรับของผู้บริโภคมากที่สุด
ผู้วิจัย สุธิดา วิชาพูล | ปีที่พิมพ์ 2556 | อ่าน 90522 ครั้ง ดาวน์โหลด 12 ครั้ง
การใช้ข้าวโพดสับเพื่อทดแทนขี้เลื่อยในการเพาะเห็ดนางฟ้า
Using Chopped Corn Stalk to Substitute Sawdust for
Oyster Mushroom (Pleurotus sajor-caju) Production
โดย นางสาวสุธิดา วิชาพูล
ชื่อปริญญา วิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์)
ปีการศึกษา 2556
อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ ดร. เสกสรร ชินวัง
ศึกษาการใช้ลำต้นข้าวโพดสับเพื่อทดแทนขี้เลื่อยในการเพาะเห็ดนางฟ้าโดยวางแผนการทดลองแบบ Randomized Complete Block Design (RCBD) แบ่งกลุ่มทดลองออกเป็น 5 กลุ่มทดลองๆ ละ 3 ซ้ำๆ ละ 5 ถุง ๆละ 320 กรัม (น้ำหนักแห้ง) พบว่า ระยะเวลาในการบ่มเชื้อของเห็ดนานที่สุด คือ ในกลุ่มทดลองที่ 5 (ลำต้นข้าวโพดสับ 100%) รองลงมาคือ กลุ่มทดลองที่ 4(ขี้เลื่อย 25% ลำต้นข้าวโพดสับ 75%) กลุ่มทดลองที่ 3 (ขี้เลื่อย 50% ลำต้นข้าวโพดสับ 50%) กลุ่มทดลองที่ 1(ขี้เลื่อย 100%) และ กลุ่มทดลองที่ 2 (ขี้เลื่อย 75% ลำต้นข้าวโพดสับ 25%) โดยมีระยะเวลาบ่มเชื้อเห็ด คือ 28.93 22.9 22.06 21.53 และ 19.20 วัน ตามลำดับ จำนวนดอกที่ออกต่อถุงมากที่สุด คือ กลุ่มทดลองที่ 2 มีจำนวนดอกเฉลี่ย 5.69 ดอก/ถุง รองลงมาคือ กลุ่มทดลองที่ 3 กลุ่มทดลองที่ 1 กลุ่มทดลองที่ 4 และกลุ่มทดลองที่ 5 โดยมีจำนวนดอกเฉลี่ยที่คือ 4.28 4.18 4.16 และ 3.54 ดอก/ถุง ตามลำดับ น้ำหนักผลผลิตสดเฉลี่ยของเห็ดนางฟ้าสูงสุด คือ กลุ่มทดลองที่ 2 ผลผลิตสดเฉลี่ยที่ 46.20 กรัม/ถุง รองลงมา กลุ่มทดลองที่ 5 กลุ่มทดลองที่ 3 กลุ่มทดลองที่ 1 และ กลุ่มทดลองที่ 4 โดยมีน้ำหนักผลผลิตสดเฉลี่ยที่ 36.40 35.13 33.11 และ 32.26 กรัม/ถุง ตามลำดับ ดังนั้นอัตราส่วนที่เหมาะสมของลำต้นข้าวโพดสับเพื่อทดแทนขี้เลื่อยในการเพาะเห็ดนางฟ้า คือการใช้ลำต้นข้าวโพดสับ 25% ผสม ขี้เลื่อย 75% สามารถชักนำให้มีระยะเวลาในการบ่มเชื้อเร็วที่สุด ให้จำนวนดอกและน้ำหนักสดเฉลี่ยมากที่สุด สามารถลดต้นทุนได้