งานวิจัยที่มีผู้เข้าดูมากที่สุด

ชื่อเรื่อง ประเภทงานวิจัย ปีที่พิมพ์ อ่าน รายละเอียด
การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร 2555
95215
อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
95026
ประสิทธิภาพของสารจากพืชในการควบคุมมอดแป้ง งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
94508

งานวิจัยที่มีผู้เข้าดาวน์โหลดมากที่สุด

ชื่อเรื่อง ประเภทงานวิจัย ปีที่พิมพ์ ดาวน์โหลด รายละเอียด
การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร 2555
356
อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
570
ประสิทธิภาพของสารจากพืชในการควบคุมมอดแป้ง งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
197

ผลของการแช่เมล็ดในกรดซาลิไซลิกต่อการงอกของเมล็ดและ การเจริญเติบโตของต้นกล้าข้าวโพดหวาน (ลูกผสมท๊อปสวีท 1320) ภายใต้สภาวะแห้งแล้ง
ผู้วิจัย ศุภชัย ศรีสุวรรณ | ปีที่พิมพ์ 2557 | อ่าน 92386 ครั้ง ดาวน์โหลด 61 ครั้ง

บทคัดย่อ
เรื่อง ผลของการแช่เมล็ดในกรดซาลิไซลิกต่อการงอกของเมล็ดและ การเจริญเติบโตของต้นกล้าข้าวโพดหวาน (ลูกผสมท๊อปสวีท 1320) ภายใต้สภาวะแห้งแล้ง Effect of Seed Priming with Salicylic Acid on Seed Germination and Seedling Growth of Sweet Corn (Zea mays cv. Top sweet 1320) Under Drought Stress โดย นายศุภชัย ศรีสุวรรณ
ชื่อปริญญา วิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์) ภาคเรียนที่ 2557 อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ ดร.วิรญา ครองยุติ ศึกษาผลของการแช่เมล็ดในกรดซาลิไซลิกต่อการงอกของเมล็ด และการเจริญเติบโตของต้นกล้าข้าวโพดหวาน (ลูกผสมท๊อปสวีท 1320) ภายใต้สภาวะแห้งแล้ง การทดลองนี้แบ่งเป็น 2 การทดลอง คือ การทดลองที่ 1 ศึกษาความเข้มข้นของกรดซาลิไซลิกต่อการงอกและความยาวรากของเมล็ดหลังเพาะที่ความเข้มข้น 0 0.25 0.5 0.75 และ 1 มิลลิโมลาร์ ผลการทดลองพบว่า เมล็ดที่แช่ในสารในสารละลายกรดซาลิไซลิกความเข้มข้น 0.25 มิลลิโมลาร์ มีเปอร์เซ็นต์การงอกและ ความยาวรากเฉลี่ยมากที่สุด คือ 62.67 เปอร์เซ็นต์ และ 12.59 เซนติเมตร ตามลาดับ และการทดลองที่ 2 ศึกษาผลของการแช่เมล็ดในกรดซาลิไซลิกต่อการงอกของต้นกล้าในสภาวะแห้งแล้ง โดยงดให้น้าเป็นเวลา 7 วัน เมื่อปลูกครบ 2 สัปดาห์ พบว่า การแช่เมล็ดในกรดซาลิไซลิก และอยู่ในสภาวะแล้ง ต้นกล้ามีความสูงลาต้นและรากสด น้าหนักสดลาต้นและราก น้าหนักแห้งลาต้นและราก มากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับชุดควบคุมและชุดที่แช่เมล็ดในน้ากลั่นและอยู่ในสภาวะแล้ง นอกจากนี้การแช่เมล็ดในกรดซาลิไซลิก และอยู่ในสภาวะแล้งมีอัตราส่วนน้าหนักสดรากต่อลาต้นแตกต่าง จากชุดควบคุม คือ 0.59 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการแช่ในกรดซาลิไซลิกก่อนการปลูกช่วยกระตุ้นให้พืช มีการปรับตัวและเจริญเติบโตในสภาวะแห้งแล้งได้ จากการทดลองนี้ชี้ให้เห็นว่าเมล็ดที่ผ่านการแช่ในสารละลายกรดซาลิไซลิก ความเข้มข้น 0.25 มิลลิโมลาร์ ทาให้ต้นกล้าข้าวโพดหวาน มีความสามรถในการทนแล้งได้ดีที่สุด
คาสาคัญ กรดซาลิไซลิก ข้าวโพดหวานลูกผสมท๊อปสวีท 1320 สภาวะแห้งแล้ง


สล็อต สล็อตออนไลน์ thaicasinobin



ผลกระทบของพาราควอทต่อแมลงช้างปีกใส
ผู้วิจัย นายประวิช เพ็ชรโย | ปีที่พิมพ์ 2558 | อ่าน 89911 ครั้ง ดาวน์โหลด 6 ครั้ง

บทคัดย่อ

 

 

เรื่อง                    ผลกระทบของพาราควอทต่อแมลงช้างปีกใส

                           Impacts of Paraquat on Green Lacewing

โดย                     นายประวิช  เพ็ชรโย

ชื่อปริญญา            วิทยาศาสตรบัณฑิต  (เกษตรศาสตร์)

ปีการศึกษา           2558

อาจารย์ที่ปรึกษา     อาจารย์ ดร. สังวาล  สมบูรณ์

 

ศึกษาผลกระทบของพาราควอทต่อแมลงช้างปีกใส  เพื่อประเมินหาผลกระทบของสารพาราควอทต่อการรอดชีวิตและการเจริญเติบโตของแมลงช้างปีกใส มีการวางแผนการทดลองแบบ  Completely Randomized Design (CRD)  ประกอบด้วย 5 กลุ่มทดลอง กลุ่มทดลอง ละ 5 ซ้ำ  ซ้ำละ 10 ตัว พบว่า การใช้สารพาราควอท ในอัตรา 25 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ภายใน 24 ชั่วโมงแรก ก็มีแนวโน้มเปอร์เซ็นต์การตายเฉลี่ยของแมลงช้างปีกใสมากที่สุด คือ 50 เปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นเปอร์เซ็นต์การตายเฉลี่ยก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อระยะเวลานานขึ้น โดยเมื่อสิ้นสุดการทดลอง         (96 ชั่วโมง) การใช้สารพาราควอท อัตรา 25 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ก็ยังคงมีแนวโน้มเปอร์เซ็นต์ การตายเฉลี่ยของแมลงช้างปีกใสสูงที่สุด คือ 86 เปอร์เซ็นต์ และมีเปอร์เซ็นต์การรอดชีวิตเฉลี่ย เท่ากับ 14 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีค่าน้อยที่สุด ถึงแม้จะมีเปอร์เซ็นต์การกินได้เฉลี่ยปานกลาง คือ105.40 เปอร์เซ็นต์ ก็ตาม รองลงมาคือ การใช้สารพาราควอท อัตรา 50 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร มีเปอร์เซ็นต์การตาย เปอร์เซ็นต์การรอดชีวิต และเปอร์เซ็นต์การกินได้ของแมลงช้างปีกใสเฉลี่ย เท่ากับ          82 เปอร์เซ็นต์ 18 เปอร์เซ็นต์ และ 97 เปอร์เซ็นต์ (ที่ 96 ชั่วโมง) ตามลำดับ ในขณะที่การใช้น้ำเปล่า (ชุดควบคุม) มีเปอร์เซ็นต์การตาย เปอร์เซ็นต์การรอดชีวิต และเปอร์เซ็นต์การกินได้เฉลี่ย เท่ากับ    34 เปอร์เซ็นต์ 66 เปอร์เซ็นต์ และ 119.40 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ ดังนั้น การใช้สารพาราควอททุกอัตรา มีผลกระทบ ต่อการดำรงอยู่ของแมลงช้างปีกใส ทั้งหมด เพราะถึงแม้จะใช้ในความเข้มข้น          หรืออัตราต่ำๆ ก็มีผลทำให้แมลงช้างปีกใสตายครึ่งหนึ่ง ของแมลงช้างปีกใสทั้งหมด ภายใน 24 ชั่วโมง 



ศึกษาสภาวะที่เหมาะสมในการทำตาลผงกึ่งสำเร็จรูปโดยใช้วิธีการทำแห้งแบบตู้อบลมร้อน
ผู้วิจัย นางสาวพิมพ์จันทร์ กุลพันธ์ และ นางสาวมุทิตา นามทอง | ปีที่พิมพ์ 2556 | อ่าน 93014 ครั้ง ดาวน์โหลด 107 ครั้ง

หัวข้อปัญหาพิเศษ      การศึกษาสภาวะที่เหมาะสมในการทำตาลผงกึ่งสำเร็จรูปโดยใช้วิธีการทำแห้งแบบตู้อบลมร้อน

นักศึกษา                 นางสาวพิมพ์จันทร์  กุลพันธ์

                          นางสาวมุทิตา  นามทอง

อาจารย์ที่ปรึกษา        อาจารย์นิราศ  กิ่งวาที

 

การวิจัยครั้งนี้ได้ทำการศึกษาสภาวะที่เหมาะสมในการทำตาลผงกึ่งสำเร็จรูปโดยใช้วิธีการทำแห้งแบบตู้อบลมร้อน (Hot air oven) โดยนำลูกตาลสุกมาสกัดเอาเนื้อตาล แล้วนำเนื้อลูกตาลสุกที่ได้ไปทำแห้งด้วยวิธีการอบลมร้อนที่อุณหภูมิ 55 60 และ 65 องศาเซลเซียส วัดค่าความชื้นทุก 2 ชั่วโมง พบว่า การทำแห้งที่อุณหภูมิ 55 องศาเซลเซียส ใช้เวลาในการทำแห้ง 8 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิ 60    องศาเซลเซียส ใช้เวลาในการทำแห้ง 6 ชั่วโมง และที่อุณหภูมิ 65 องศาเซลเซียส ใช้เวลาในการทำแห้ง 4 ชั่วโมง ให้ค่าความชื้นใกล้เคียงกัน เท่ากับ 2.20 2.17 และ 2.16 ตามลำดับ ดังนั้นจึงทำตาลผงที่สภาวะดังกล่าวทั้ง 3 สภาวะ นำมาวิเคราะห์ค่าสี ความสามารถในการละลาย และทดสอบการยอมรับทางประสาทสัมผัส พบว่า การทำแห้งที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 6 ชั่วโมง เป็นอุณหภูมิและเวลาที่เหมาะสมที่สุด คือ ได้ตาลผงที่ค่าสี L* a* และb* มีค่าเท่ากับ 73.397.12และ 29.98 ตามลำดับ มีค่าความชื้นร้อยละ2.17 และความสามารถในการละลายดีที่สุดเท่ากับร้อยละ 15.71เมื่อนำตาลผงที่ได้จากการทำแห้งมาทำผลิตภัณฑ์ขนมตาลเพื่อเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ขนมตาลจากเนื้อตาลสด นำมาทดสอบทางด้านประสาทสัมผัสคุณลักษณะด้านสี กลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส และความชอบรวม พบว่า ผลิตภัณฑ์ขนมตาลที่ทำจากตาลผงทำแห้งที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 6 ชั่วโมง มีความชอบรวมของผู้บริโภคสูงที่สุด

 

 



การศึกษาวัสดุปลูกที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิต มะเขือเทศพันธุ์สีดา
ผู้วิจัย ธวัชชัย อารีย์ | ปีที่พิมพ์ 2556 | อ่าน 91127 ครั้ง ดาวน์โหลด 159 ครั้ง

ศึกษาวัสดุปลูกที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตมะเขือเทศพันธุ์สีดา โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (Completely Randomized Desing, CRD) ผลการทดลองพบว่า การใช้วัสดุปลูก แกลบดำ:ดินร่วน:แกลบดิบ อัตรา 1:2:1 โดยปริมาตร มีแนวโน้มให้ความสูงเฉลี่ยของมะเขือเทศพันธุ์สีดามากที่สุด คือ 56.13 ซม. ส่วนการใช้วัสดุปลูก ขุยมะพร้าว: ดินร่วน:แกลบดิบ อัตรา 1:3:1 โดยปริมาตร มีแนวโน้มให้ความสูงเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ 39.73 ซม. ในขณะที่การใช้วัสดุปลูก ขุยมะพร้าว:ดินร่วน:แกลบดิบ อัตรา 1:2:2 โดยปริมาตร มีแนวโน้มให้จำนวนดอกต่อช่อเฉลี่ยสูงสุดคือ 7.58 ดอก และการใช้วัสดุปลูก แกลบดำ:ดินร่วน:แกลบดิบ อัตรา 1:1:1 โดยปริมาตร มีแนวโน้มให้จำนวนดอกต่อช่อเฉลี่ยตํ่าที่สุด คือ 5.91ดอก สำหรับจำนวนผลต่อช่อ พบว่า การใช้ขุยมะพร้าว:ดินร่วน:แกลบดิบ อัตรา 1:2:2 โดยปริมาตร มีแนวโน้มให้จำนวนผลต่อช่อเฉลี่ยสูงที่สุด 5.91 ผล ส่วนการใช้วัสดุปลูก ขุยมะพร้าว:ดินร่วน:แกลบดิบ อัตรา 1:1:1 โดยปริมาตร มีแนวโน้มให้นํ้าหนักผลผลิตรวมเฉลี่ยสูงที่สุด คือ 94.67 กรัม ในขณะที่การใช้ วัสดุปลูก แกลบดำ:ดินร่วน:แกลบดิบ อัตรา 1:3:2 โดยปริมาตร มีแนวโน้มให้นํ้าหนักผลผลิตรวมเฉลี่ยตํ่าที่สุด คือ 57.67 กรัม


เข้าสู่ระบบ