งานวิจัยที่มีผู้เข้าดูมากที่สุด

ชื่อเรื่อง ประเภทงานวิจัย ปีที่พิมพ์ อ่าน รายละเอียด
อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
7524
การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร 2555
7436
เต้าหู้แข็งเสริมข้าวโพดสีม่วง งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร 2556
6761

งานวิจัยที่มีผู้เข้าดาวน์โหลดมากที่สุด

ชื่อเรื่อง ประเภทงานวิจัย ปีที่พิมพ์ ดาวน์โหลด รายละเอียด
อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
568
การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร 2555
354
เต้าหู้แข็งเสริมข้าวโพดสีม่วง งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร 2556
246

การชักนำเอ็มบริโอเจนิคแคลลัสในอ้อยสายพันธุ์สุพรรณบุรี 50
ผู้วิจัย นายทศพล คำมุงคุล | ปีที่พิมพ์ 2556 | อ่าน 3628 ครั้ง ดาวน์โหลด 24 ครั้ง

บทคัดย่อ

 

เรื่อง                     การชักนำเอ็มบริโอเจนิคแคลลัสในอ้อยสายพันธุ์สุพรรณบุรี 50

Regeneration of Embryogenic Callus in Sugarcane Varieties

Suphanburi 50

โดย                      นายทศพลคำมุงคุล

ชื่อปริญญา           วิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์)

ปีการศึกษา           2556

อาจารย์ที่ปรึกษา   อาจารย์ ดร.เสกสรร ชินวัง

 

ศึกษาอิทธิพลของ 2,4-D ที่มีผลต่อการสร้างแคลลัสของอ้อยสุพรรณบุรี 50ด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อโดยวางแผนการทดลองแบบRandomized Complete Block Design(RCBD)แบ่งการทดลองออกเป็น6 กลุ่มทดลองๆ ละ3 ซ้ำๆละ 5 ชิ้นส่วน ผลการทดลองพบว่าอาหารสังเคราะห์สูตร MS ร่วมกับ 2,4-D 2 มิลลิกรัมต่อลิตร สามารถพัฒนาให้เกิดแคลลัสมากที่สุดเฉลี่ย 5.0 แคลลัสรองลงมาได้แก่อาหารสังเคราะห์สูตร MS ร่วมกับ 2,4-D1 มิลลิกรัมต่อลิตรMS ร่วมกับ2,4-D 3มิลลิกรัมต่อลิตรMS ร่วมกับ 2,4-D 4 มิลลิกรัมต่อลิตรและ MS ร่วมกับ 2,4-D 5 มิลลิกรัมต่อลิตร โดยสามารถพัฒนาแคลลัสที่ 2.3, 2.0, 1.7 และ 1.7 แคลลัสตามลำดับส่วนสูตรอาหาร MS ที่ไม่เติม 2,4-Dไม่สามารถชักนำให้เกิดการพัฒนาแคลลัสได้



ผลของอัตราส่วนระหว่างแป้งข้าวเหนียวและแป้งมันสำปะหลังที่มีต่อคุณสมบัติของขนมต้มแช่เยือกแข็ง
ผู้วิจัย กันตา นนทะศิลา และ พรนิภา หลวงเดช | ปีที่พิมพ์ 2556 | อ่าน 5353 ครั้ง ดาวน์โหลด 69 ครั้ง

การศึกษาผลของอัตราส่วนแป้งข้าวเหนียวและแป้งมันสำปะหลังที่แตกต่างกัน 4 ระดับ คือ Control 4:1 2.5:1 และ 1:1 ที่มีต่อ ความแข็ง ความใส และสีของแป้งสุก และการยอมรับของผู้บริโภคที่มีต่อขนมต้มแช่เยือกแข็ง พบว่า การเพิ่มปริมาณแป้งมันสำปะหลังทำให้ค่า Hardness สูงขึ้น ตรงกันข้าม การเพิ่มปริมาณแป้งมันสำปะหลังทำให้ค่าความโปร่งใส (% Transparency) ของเนื้อแป้งลดลง ผลการวัดค่าสี พบว่า เมื่อเพิ่มปริมาณแป้งมันสำปะหลัง ค่าสี L* และ b* ของแป้งสุก มีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (P≤0.05) โดยที่ค่าสี a* มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ปัจจัยที่มีผลต่อการทดสอบทางประสาทสัมผัส พบว่า อัตราส่วนของแป้ง ไม่มีผลต่อกลิ่น การแช่และไม่แช่เยือกแข็งไม่มีผลต่อสีและเนื้อสัมผัสของขนมต้มแช่เยือกแข็ง แต่อัตราส่วนของแป้งและการแช่และไม่แช่เยือกแข็ง  มีผลร่วมต่อทุกคุณลักษณะของขนมต้มแช่เยือกแข็ง



ผลของการใช้ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ต่อการเจริญเติบโต และผลผลิต ข้าวขาวดอกมะลิ105ในพื้นที่อาเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี
ผู้วิจัย นุชรัตน์ ปูกะธรรม | ปีที่พิมพ์ 2557 | อ่าน 3095 ครั้ง ดาวน์โหลด 1 ครั้ง

บทคัดย่อ
เรื่อง ผลของการใช้ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ต่อการเจริญเติบโต และผลผลิต
ข้าวขาวดอกมะลิ105ในพื้นที่อาเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี
Effect of Chemical and Organic Fertilizer Utilization on
Growth and Yield of KDML 105 Rice in Khemmarat District
Ubonratchathani Province
โดย นางสาวนุชรัตน์ ปูกะธรรม
ชื่อปริญญา วิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์)
ปีการศึกษา 2557
อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์โดม หาญพิชิตวิทยา
ศึกษาผลของการใช้ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ต่อการเจริญเติบโต และผลผลิตของข้าวขาวดอกมะลิ 105 โดยทาการทดลองในแปลงเกษตรกรตาบลหนองสิม อาเภอเขมราฐจังหวัดอุบลราชธานีวางแผนการทดลองแบบ Randomize Complete Block Design (RCBD) ประกอบด้วย 5 กลุ่มทดลอง กลุ่มทดลองละ 3 ซ้า ผลการทดลองพบว่าการใส่ปุ๋ยคอกมูลวัว อัตรา 200 กิโลกรัมต่อไร่ร่วม กับปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-8 อัตรา 14 กิโลกรัมต่อไร่และ สูตร 46-0-0 อัตรา 2 กิโลกรัมต่อไร่ช่วงข้าวอายุ 25 วันหลังหว่าน และครั้งที่ 2 ใส่ปุ๋ย สูตร 46-0-0 อัตรา 7 กิโลกรัมต่อไร่ ระยะกาเนิดช่อดอกให้ความสูงเฉลี่ยของต้นข้าวเป็น 109 เซนติเมตร จานวนรวง 201 รวงต่อตารางเมตรน้าหนักผลผลิตเฉลี่ยของข้าว 269 กิโลกรัมต่อไร่ มีค่าสูงที่สุด และมีความแตกต่างทางสถิติ (p=0.01) แต่ไม่พบความแตกต่างทางสถิติ ในค่าน้าหนักเมล็ดข้าว 100 เมล็ด และค่าดัชนีการเก็บเกี่ยว รองลงมา คือปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-8 อัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่แบ่งใส่ 2 ครั้งเท่ากัน และปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-8 อัตรา 14 กิโลกรัมต่อไร่ และสูตร 46-0-0 อัตรา 2 กิโลกรัมต่อไร่ ช่วงข้าวอายุ 25 วันหลังหว่านข้าว และครั้งที่ 2 ใส่ปุ๋ยสูตร 46-0-0 อัตรา 7 กิโลกรัมต่อไร่ ระยะกาเนิดช่อดอก
คาสาคัญ ข้าวขาวดอกมะลิ 105 ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยคอกมูลวัว



การขยายพันธุ์มะนาวไม่รู้โห่โดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
ผู้วิจัย รสสุคนธ์ คชยาพันธ์ | ปีที่พิมพ์ 2557 | อ่าน 4051 ครั้ง ดาวน์โหลด 59 ครั้ง

บทคัดย่อ
เรื่อง การขยายพันธุ์มะนาวไม่รู้โห่โดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
Micropropagation of Karanda (Carissa carandas L.)
โดย นางสาวรสสุคนธ์ คชยาพันธ์
ชื่อปริญญา วิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์)
ปีการศึกษา 2557
อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ ดร.สุจิตรา สืบนุการณ์
การขยายพันธุ์มะนาวไม่รู้โห่โดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ วางแผนการทดลองแบบ 2×6 Factorial in Completely Randomized Design (Factorial in CRD) แบ่งออกเป็น 12 กลุ่มทดลอง ๆ ละ 10 ซ้้า ๆ ละ 1 ขวด ผลการทดลอง พบว่า การน้าตายอดและตาข้างมาเพาะเลี้ยงบนสูตรอาหาร MS ที่เติม BA ความเข้มข้น 0 1 3 5 7 และ 9 ppm. ชิ้นส่วนที่เหมาะสมที่สุด คือ ตายอด เนื่องจากมีความสูงเฉลี่ยของต้น จ้านวนวันที่เกิดยอดใหม่ จ้านวนยอดใหม่เฉลี่ยต่อชิ้นส่วน และเปอร์เซ็นต์การรอดชีวิตดีที่สุด และเมื่อพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างชิ้นส่วนพืชกับสารควบคุมการเจริญเติบโต พบว่า การเพาะเลี้ยงชิ้นส่วนตายอดมะนาวไม่รู้โห่ในสูตรอาหาร MS ที่เติม BA ความเข้มข้น 7 ppm. มีความเหมาะสมมากที่สุดเนื่องจากมีพัฒนาการของชิ้นส่วนอย่างรวดเร็ว โดยมีการเจริญเติบโตของต้นสูงที่สุด (1.23 เซนติเมตร) มี
จ้านวนวันที่เกิดยอดใหม่เร็วที่สุด (7 วัน) มีความสูงเฉลี่ยของยอดใหม่ และมีเปอร์เซ็นต์การรอดชีวิตมากที่สุด คือ 1.18 เซนติเมตร และ 70 เปอร์เซ็นต์ ตามล้าดับ แต่มีจ้านวนยอดใหม่เฉลี่ยปานกลาง (3 ยอดต่อชิ้นส่วน) รองลงมา ได้แก่ การเพาะเลี้ยงชิ้นส่วนตายอดในสูตรอาหาร MS ที่เติม BA 3 ppm. มีจ้านวนยอดใหม่เฉลี่ย และเปอร์เซ็นต์การรอดชีวิตมากที่สุด คือ 3.37 ยอดต่อชิ้นส่วน และ 70 เปอร์เซ็นต์ ตามล้าดับ และมีความสูงเฉลี่ยยอดใหม่ปานกลาง คือ 0.91 เซนติเมตร ในขณะที่การใช้ชิ้นส่วนตาข้างในสูตรอาหาร MS ที่เติม BA 9 ppm. ไม่แนะน้าให้ใช้ เนื่องจาก มีเปอร์เซ็นการรอดชีวิตน้อยที่สุด (40 เปอร์เซ็นต์) และไม่สามารถชักน้าให้เกิดยอดใหม่ได้
ค้าส้าคัญ มะนาวไม่รู้โห่ การขยายพันธุ์ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ


เข้าสู่ระบบ