งานวิจัยที่มีผู้เข้าดูมากที่สุด

ชื่อเรื่อง ประเภทงานวิจัย ปีที่พิมพ์ อ่าน รายละเอียด
การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร 2555
95836
อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
95760
ประสิทธิภาพของสารจากพืชในการควบคุมมอดแป้ง งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
95251

งานวิจัยที่มีผู้เข้าดาวน์โหลดมากที่สุด

ชื่อเรื่อง ประเภทงานวิจัย ปีที่พิมพ์ ดาวน์โหลด รายละเอียด
การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร 2555
356
อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
570
ประสิทธิภาพของสารจากพืชในการควบคุมมอดแป้ง งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
197

ผลของกรดซาลิไซลิกต่อการเจริญเติบโตและลักษณะทางสรีรวิทยา บางประการของข้าวเจ้าหอมนิล ในระยะต้นกล้าภายใต้สภาวะแห้งแล้ง
ผู้วิจัย สิทธิพร ศิริไทย | ปีที่พิมพ์ 2556 | อ่าน 90726 ครั้ง ดาวน์โหลด 14 ครั้ง

ศึกษาผลของกรดซาลิไซลิกต่อการเจริญเติบโตและลักษณะทางสรีรวิทยาบางประการของข้าวเจ้าหอมนิล ในระยะต้นกล้าภายใต้สภาวะแห้งแล้ง แบ่งเป็น 6 กลุ่มทดลอง ได้แก่ กลุ่มที่ได้รับน้าปกติ กลุ่มแล้ง และกลุ่มที่ได้รับการพ่นสารละลายกรดซาลิไซลิก ความเข้มข้น 0.25, 0.5, 0.75 และ 1 มิลลิโมลาร์ ทาการเพาะเมล็ดและปลูกในกระถางบรรจุดินเป็นเวลา 14 วัน งดให้น้า 7 วัน ผลการทดลองพบว่าสภาวะแล้งส่งผลให้การเจริญเติบโตของต้นกล้าข้าวหอมนิลลดลง ยกเว้นความยาวราก ส่วนกรดซาลิไซลิกช่วยให้ต้นกล้าข้าวหอมนิลมีความสามารถในการทนแล้งได้ดีขึ้นโดยทาให้ความยาวราก น้าหนักสดรากและลาต้น และน้าหนักแห้งลาต้นเพิ่มขึ้น แต่ไม่มีผลต่อลักษณะทางสรีรวิทยาบางประการของต้นกล้าข้าวหอมนิล ทั้งนี้จากการทดลองสามารถสรุป ได้ว่ากรดซาลิไซลิกความเข้มข้น 0.25 มิลลิโมลาร์ มีแนวโน้มทาให้ต้นกล้าข้าวหอมนิลมีความสามารถในการทนแล้งได้ดีที่สุด



ผลของชนิดบรรจุภัณฑ์ต่อคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของ ผักกวางตุ้งโชว์จีนที่ปลูกในระบบไฮโดรโปนิกส์
ผู้วิจัย นายประพันธ์ ทิมา | ปีที่พิมพ์ 2558 | อ่าน 91033 ครั้ง ดาวน์โหลด 43 ครั้ง

บทคัดย่อ

 

 

เรื่อง                       ผลของชนิดบรรจุภัณฑ์ต่อคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของผักกวางตุ้งโชว์จีน ที่ปลูกในระบบไฮโดรโปนิกส์

                               Effect of Packaging on Postharvest Quality of Chinese Cabbage-           

                               PAI TSAI (Brassica pekinensis L.) in HydroponicsSystem

โดย                         นายประพันธ์  ทิมา

ชื่อปริญญา                วิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์)

ปีการศึกษา                2558

อาจารย์ที่ปรึกษา          อาจารย์ ดร. วิรญา  ครองยุติ

 

   การศึกษาผลของชนิดบรรจุภัณฑ์ต่อคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของผักกวางตุ้งโชว์จีนที่ปลูกในระบบไฮโดรโปนิกส์ โดยนำผักกวางตุ้งโชว์จีนที่มีอายุการเก็บเกี่ยว 35 วัน มาบรรจุในบรรจุภัณฑ์    ชนิดต่างๆ ได้แก่ ถุงพลาสติกชนิดโพลีเอทธิลีน (Polyethylene; PE) เจาะ 2 รู ถุงพลาสติก          โพลีเอทธิลีนผสมสารเติมแต่งบางชนิด (ถุง Active) ไม่เจาะรู  ถุงพลาสติกโพลีเอทธิลีนผสมสารเติมแต่งบางชนิดเจาะ 2 รู และเปรียบเทียบกับถุงพลาสติกชนิดโพลีเอทธิลีนไม่เจาะรู (ชุดควบคุม)     เก็บรักษาที่อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ 90 เปอร์เซ็นต์ ทำการวิเคราะห์ผลทุกๆ วัน           จนหมดอายุการเก็บรักษา โดยวิเคราะห์เปอร์เซ็นต์การสูญเสียน้ำหนักสด การเปลี่ยนแปลงสีใบ คะแนนการเปลี่ยนแปลงสภาพภายนอก ปริมาณวิตามินซี ปริมาณคลอโรฟิลล์เอ ปริมาณคลอโรฟิลล์บี ปริมาณคลอโรฟิลล์รวม และอายุการเก็บรักษา ซึ่งผลที่ได้พบว่าผักกวางตุ้งโชว์จีนที่บรรจุในถุงพลาสติกชนิด PE ผสมสารเติมแต่งบางชนิด ไม่เจาะรู สามารถลดการสูญเสียน้ำหนักสด      ปริมาณวิตามินซี ปริมาณคลอโรฟิลล์ เอ ปริมาณคลอโรฟิลล์ บี ปริมาณคลอโรฟิลล์รวมทั้งหมด  และมีคะแนนสภาพภายนอกทีดี อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาอายุการเก็บรักษา พบว่าผักกวางตุ้งโชว์จีนที่บรรจุในถุง PE ผสมสารเติมแต่งบางชนิด ไม่เจาะรู สามารถเก็บรักษาได้ 15 วัน ซึ่งให้ค่าไม่แตกต่างกันทางสถิติกับชุดควบคุมที่มีอายุการเก็บรักษา 14.33 วัน นั่นคือ การบรรจุในบรรจุภัณฑ์ชนิดต่างๆ ไม่มีผลในการยืดอายุการเก็บรักษาผักกวางตุ้งโชว์จีน



ผลของการแช่เมล็ดในกรดซาลิไซลิกต่อการงอกของเมล็ดและการเจริญเติบโตของต้นกล้าข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสมบิ๊กไวท์ 852 ภายใต้สภาวะแห้งแล้ง
ผู้วิจัย ณรงค์ฤทธิ์ อุ่นใจ | ปีที่พิมพ์ 2557 | อ่าน 90949 ครั้ง ดาวน์โหลด 7 ครั้ง

บทคัดย่อ
เรื่อง ผลของการแช่เมล็ดในกรดซาลิไซลิกต่อการงอกของเมล็ดและการเจริญเติบโตของต้นกล้าข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสมบิ๊กไวท์ 852 ภายใต้สภาวะแห้งแล้ง Effect of Seed Priming with Salicylic Acid on Seed Germination and Seedling Growth of Waxy Corn (Zea may cv.Big White 852 Hybrid) Under Drought Stress
โดย นายณรงค์ฤทธิ์ อุ่นใจ
ชื่อปริญญา วิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์)
ปีการศึกษา 2557
อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ ดร. วิรญา ครองยุติ
ศึกษาผลของการแช่เมล็ดในกรดซาลิไซลิกต่อการงอกของเมล็ดและการเจริญเติบโตของ ต้นกล้าข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสมบิ๊กไวท์ 852 ภายใต้สภาวะแห้งแล้ง การทดลองนี้แบ่งเป็น 2 การทดลองคือ การทดลองที่ 1) ศึกษาผลของการแช่เมล็ดในกรดซาลิไซลิกต่อการงอกของเมล็ดและความยาวรากของเมล็ดหลังเพาะที่ความเข้มข้น 0 0.25 0.5 0.75 และ 1 มิลลิโมลาร์ พบว่าเมล็ดที่แช่ในสารละลายกรดซาลิไซลิกความเข้มข้น 0.75 มิลลิโมลาร์ มีผลทาให้เมล็ดข้าวโพดมีการงอกและความยาวรากของเมล็ดหลังเพาะสูงที่สุด และการทดลองที่ 2) ศึกษาผลของการแช่เมล็ดในสารละลายกรดซาลิไซลิกต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้า โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มทดลอง คือ กลุ่มที่ 1 แช่ในน้ากลั่นแล้วได้รับน้าตามปกติ กลุ่มที่ 2 แช่น้ากลั่นแล้วอยู่ในสภาวะแล้ง และกลุ่มที่ 3 แช่ในสารละลายกรดซาลิไซลิกแล้วอยู่ในสภาวะแล้ง นาไปปลูกในเรือนเพาะชา โดยกลุ่มที่ 1 ได้รับน้าปกติ กลุ่มที่ 2 และ 3 ทาให้อยู่ในสภาวะแล้งโดยงดรดน้าเป็นเวลา 7 วัน เมื่อปลูกครบ 2 สัปดาห์พบว่าเมล็ดที่แช่ในสารละลายกรดซาลิไซลิก ความเข้มข้น 0.75 มิลลิโมลาร์ มีความยาวรากสด น้าหนักสดราก และน้าหนักแห้งรากเพิ่มขึ้น และมีอัตราส่วนรากต่อลาต้นสดเท่ากับ 0.48 จากผลการทดลองนี้ชี้ให้เห็นว่าเมล็ดที่ผ่านการแช่ในสารละลายกรดซาลิไซลิกความเข้มข้น 0.75 มิลลิโมลาร์ มีแนวโน้มทาให้ต้นกล้าข้าวโพดมีความสามารถในการทนแล้งได้ดีที่สุด
คาสาคัญ : กรดซาลิไซลิก ข้าวโพดข้าวเหนียวลูกผสมบิ๊กไวท์ 852 สภาวะแห้งแล้ง



อิทธิพลของสารควบคุมการเจริญเติบโตที่มีผลต่อการขยายพันธุ์ม่วงเทพรัตน์ ด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
ผู้วิจัย อุบล พุ่มจันทร์ | ปีที่พิมพ์ 2556 | อ่าน 92438 ครั้ง ดาวน์โหลด 190 ครั้ง

                 ศึกษาอิทธิพลของสารควบคุมการเจริญเติบโตที่มีผลต่อการขยายพันธุ์ม่วงเทพรัตน์ด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ โดยวางแผนการทดลองแบบ 2 x 7 Factorial in Completely Randomized Design (Factorial in CRD) แบ่งการทดลองออกเป็น 14 กลุ่มทดลอง ๆ ละ 5 ซ้ำ ๆ ละ 1 ขวด ผลการทดลองพบว่า เมื่อนำชิ้นส่วนตายอดและตาข้างของม่วงเทพรัตน์มาเพาะเลี้ยงบนอาหารสูตร MS ที่เติม BA ความเข้มข้น 0, 0.5, 1, 1.5, 2, 2.5 และ 3 มิลลิกรัมต่อลิตรเป็นเวลา

4 สัปดาห์ (28 วัน) ชิ้นส่วนและสูตรอาหารที่เหมาะสมในการเพาะเลี้ยงม่วงเทพรัตน์และพัฒนาไปเป็นต้นพืชที่สมบูรณ์ คือ ชิ้นส่วนตาข้างที่ไม่เติม BA มีจำนวนยอดใหม่มากที่สุด

(5.20 ยอด/ชิ้นส่วน) และมีการพัฒนาของต้นกล้าอย่างรวดเร็ว มีความสูงเฉลี่ยของต้นกล้า

มากที่สุด (2.48 เซนติเมตร) และมีเปอร์เซ็นต์การรอดชีวิตสูงที่สุด (100%) รองลงมาได้แก่

การใช้ชิ้นส่วนตายอดร่วมกับ BA 0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร มีการแตกยอดและเปอร์เซ็นต์การรอดชีวิตปานกลาง ได้แก่ 3.60 ยอด/ชิ้นส่วนและ 80 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ

 


เข้าสู่ระบบ