งานวิจัยที่มีผู้เข้าดูมากที่สุด

ชื่อเรื่อง ประเภทงานวิจัย ปีที่พิมพ์ อ่าน รายละเอียด
การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร 2555
95297
อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
95112
ประสิทธิภาพของสารจากพืชในการควบคุมมอดแป้ง งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
94609

งานวิจัยที่มีผู้เข้าดาวน์โหลดมากที่สุด

ชื่อเรื่อง ประเภทงานวิจัย ปีที่พิมพ์ ดาวน์โหลด รายละเอียด
การเปรียบเทียบผลของการใช้กรดซิตริก (Citric Acid) และสารละลาย เกลือแกง (Sodium chloride) ที่มีความเข้มข้นและระยะเวลาแตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาสีน้าตาลในแอปเปิลตัดแต่ง งานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร 2555
356
อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยคอกต่อการให้ผลผลิตของดาวเรืองพันธุ์ ทองเฉลิม 5011 งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
570
ประสิทธิภาพของสารจากพืชในการควบคุมมอดแป้ง งานวิจัยสาขาเกษตรศาสตร์ 2556
197

การศึกษาผลของปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของ ข้าวพันธุ์กข10
ผู้วิจัย สุดสะดา สีอาโนไท | ปีที่พิมพ์ 2556 | อ่าน 90944 ครั้ง ดาวน์โหลด 5 ครั้ง

การศึกษาผลของปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของ

ข้าวพันธุ์กข10

                          Study of Organic and Chemical Fertilizer on Growth and Yield of

RD10 Rice

โดย              นางสาวสุดสะดา      สีอาโนไท

ชื่อปริญญา     วิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์)

ปีการศึกษา       2556

อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ โดม     หาญพิชิตวิทยา

 

            การศึกษาผลของปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของข้าวพันธุ์กข10 โดยวางแผนการทดลองแบบComplete Randomized Design ; CRD)จำนวน 11 กลุ่มทดลองๆละ 3 เมื่อสิ้นสุดการทดลอง ผลปรากฏว่า การใช้ปุ๋ยเคมี 16-16-8 อัตรา 30 กก./ไร่ร่วมกับปุ๋ย 20-20-20 ความเข้มข้น2% ทุกๆ 14 วัน มีน้ำหนักผลผลิตเฉลี่ย มากที่สุด คือ 15.33 กรัม และมีความสูงเฉลี่ย จำนวนรวงต่อต้น และน้ำหนักเมล็ดดี 100 เมล็ดปานกลาง คือ 68 ซม. 10.3 รวงต่อต้น และ 3.06 กรัม ตามลำดับ รองลงมาได้แก่ การฉีดพ่นปุ๋ยเคมี 20-20-20 ความเข้มข้น 2% ทุกๆ 7 วัน มีจำนวนรวงต่อต้นมากที่สุด คือ 11.3 รวงต่อต้น ส่วนค่าดัชนีชี้วัดตัวอื่นๆ มีค่าปานกลาง

 



การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ ร่วมกับปุ๋ยเคมีต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของผักกาดหัวลูกผสมพันธุ์ ไวท์ ร็อกเก็ต
ผู้วิจัย นายชุติพนธ์ ทิมา | ปีที่พิมพ์ 2558 | อ่าน 90616 ครั้ง ดาวน์โหลด 47 ครั้ง

บทคัดย่อ

 

 

เรื่อง                    การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพร่วมกับปุ๋ยเคมี                            

                           ต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของผักกาดหัวลูกผสมพันธุ์ ไวท์ ร็อกเก็ต

                           Comparison of Chemical and Liquid Biostimulant Fertilizer     

                           Efficiency On Growth and Yield of Hybrids Radish var.  White                  

                           Rocks Kate

โดย                     นายชุติพนธ์  ทิมา

ชื่อปริญญา            วิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์)

ปีการศึกษา           2558

อาจารย์ที่ปรึกษา     อาจารย์นงลักษณ์  พยัคฆศิรินาวิน  

 

            ศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของผักกาดหัวลูกผสมพันธุ์ ไวท์ ร็อกเก็ตวางแผนการทดลองแบบ Randomized Complete  Block  Design  (RCBD) ประกอบด้วย 5 กลุ่มทดลอง กลุ่มทดลองละ 3 ซ้ำๆ ละ 100 ต้น โดยเตรียมแปลงขนาด กว้าง 1 เมตร ยาว 10 เมตร ผลการทดลองพบว่าการใช้ปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 (อัตรา 50 กิโลกรัมต่อไร่) มีประสิทธิภาพมากที่สุด เนื่องจาก มีน้ำหนักผลผลิตเฉลี่ยต่อหัว เส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยต่อหัว และผลผลิตเกรด A มากที่สุด คือ 672.67 กรัมต่อหัว 7.40 เซนติเมตร และ 88.33 % ตามลำดับ และมีความยาวเฉลี่ยของหัวปานกลาง คือ 21.43 เซนติเมตร รองลงมาได้แก่ การใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 รวมกับปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพมูลค้างคาว

มีความสูงเฉลี่ยของต้นมากที่สุดคือ 32.73 เซนติเมตร และมีค่าน้ำหนักผลผลิตเฉลี่ยต่อหัวเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยของหัว และผลผลิตเกรด A ปานกลาง คือ 612.33 กรัมต่อหัว 6.60 เซนติเมตรและ 71.66 %ในขณะที่การปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 ร่วมกับปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพหอยเชอรี่ไม่แนะนำให้ใช้ เนื่องจากมีค่าดัชนีตัวชี้วัด เกือบทุกตัวน้อยที่สุด ดังนั้นหากต้องการปลูกผักกาดหัวโดยใช้ร่วมกับปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพแนะนำให้ใช้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพมูลค้างคาว เนื่องจาก ทุกดัชนีชี้วัด ยกเว้นความสูงและความยาวเฉลี่ยของผล มีค่ารองลงมาจากการใช้ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 



ผลการใช้ผักหนามและพืชโปรตีนสูงในอาหาร ต่อการให้ผลผลิตของไก่ไข่
ผู้วิจัย นางสาวปนัดดา เยื่อใย และคณะ | ปีที่พิมพ์ 2559 | อ่าน 88896 ครั้ง ดาวน์โหลด 36 ครั้ง

 

บทคัดย่อ

การทดลองนี้ใช้ไก่ไข่ 100 ตัว ระยะเวลาทดสอบ 13 สัปดาห์ ประกอบด้วย 2 การทดลอง             การทดลองที่ 1 การใช้ผักหนามซึ่งมีองค์ประกอบของฮอร์โมนจากพืช (Phytoestrogen) บดผสมในสูตรอาหารไก่ไข่ประกอบด้วย T1 แกลบบด 3%  T2 ผักหนาม 1% T3 ผักหนาม 2% T4 ผักหนาม 3% T5 กลุ่มอาหารควบคุม ผลการทดลองพบว่าการใช้ผักหนามในระดับ 1% ให้ผลดีที่สุดต่อสมรรถภาพการผลิตของไก่ไข่ แสดงว่าระดับฮอร์โมนที่ได้รับจากผักหนาม 1% สมดุลในการส่งเสริมการให้ไข่ดีที่สุด การทดลองที่ 2 การใช้พืชโปรตีนสูง (High Protein Plants) ผสมในสูตรอาหารไก่ไข่  ประกอบด้วย T1 ใบมะรุม 3% T2 ใบกระถิน 3% T3 ใบมันสำปะหลัง 3% T4 ใบหม่อน 3% T5 อาหารควบคุม ผลของการทดลองพบว่าการใช้ใบหม่อนและใบมันสำปะหลังให้ผลดีที่สุดและใช้อาหารในการเปลี่ยนเป็นไข่น้อยที่สุด

คำสำคัญ ผักหนาม แกลบ ใบมันสำปะหลัง ใบหม่อน ใบมะรุม ใบกระถิน

 

Abstract

This experiment used 100 hens for 13 week trials. The Trials were divided into two experimental groups. The first expeniment containet 5 treatments as; T1.Husk 3% T2.Lasia spinosa 1% T3.Lasia spinosa 2% T4.Lasia spinosa 3% T5.Control feed. The resuets found that T2 Lasia 1% showed a higest perfomance on egg production. The second experiment contained 5 treatments ; T1. Moringa leaves 3% T2. Acacia leaves 3% T3. Cassava leaves 3% T4. Mulberry Leaves 3% T5. Control feed. The results showed that the use of mulberry leaves and cassava leaves gave the best results.

Keyword : Lasia spinosa, Husk , mulberry leaves, Mulberry Leaves, Moringa leave, Acacia leaves

 

 



ผลของสารสกัดจากแหนแดงต่อการเจริญเติบโตและ ผลผลิตข้าวพื้นเมืองพันธุ์หอมทุ่งในสภาพแปลงทดลอง
ผู้วิจัย นายเอนกพงษ์ พรมชาติ | ปีที่พิมพ์ 2558 | อ่าน 90733 ครั้ง ดาวน์โหลด 7 ครั้ง

บทคัดย่อ

 

 

เรื่อง                   ผลของสารสกัดจากแหนแดงต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตข้าวพื้นเมือง

                          พันธุ์หอมทุ่งในสภาพแปลงทดลอง

                          Effects of Azolla Extract on Growth and Yield of Indigenous

                          Hawm Thung Rice in Plot Experiment

โดย                    นายเอนกพงษ์  พรมชาติ

ชื่อปริญญา           วิทยาศาสตรบัณฑิต  (เกษตรศาสตร์)

ปีการศึกษา           2558

อาจารย์ที่ปรึกษา    อาจารย์ ดร. สังวาล  สมบูรณ์

 

         งานวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาผลของสารสกัดจากแหนแดงต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตข้าวพันธุ์พื้นเมืองในสภาพแปลงทดลอง วางแผนการทดลองแบบ  Randomized Complete  Block  Design  (RCBD) ประกอบด้วย 4 กลุ่มทดลอง กลุ่มทดลองละ 5 ซ้ำ ขนาดแปลง 2 X 4 เมตร ผลการทดลองพบว่า สารสกัดแหนแดง (อัตรา 500 มิลลิลิตรต่อน้ำ 500 มิลลิลิตร) มีประสิทธิภาพมากที่สุด เนื่องจาก มีแนวโน้มให้จำนวนต้นต่อกอ จำนวนรวงต่อกอ น้ำหนักเฉลี่ยต่อกอมากที่สุดและมี น้ำหนักต่อรวง น้ำหนักเมล็ดดี 100 เมล็ด น้ำหนักผลผลิตเฉลี่ยต่อพื้นที่ 8 ตารางเมตร และน้ำหนักผลผลิตเฉลี่ย (ก.ก/ไร่) ดีที่สุดคือ 4.26 ต้นต่อกอ 5.20 รวงต่อกอ 337.40 กรัมต่อกอ 96.80 กรัมต่อรวง 58.40 กรัมต่อเมล็ดดี 100 เมล็ด 2.28 กิโลกรัมต่อแปลง และ 456 กิโลกรัมต่อไร่ นอกจากนี้ยังให้ความสูงเฉลี่ย ระดับปานกลางคือ 67.96 เซนติเมตร รองลงมาคือ น้ำหมักชีวภาพแหนแดง

มีแนวโน้มให้ความสูงเฉลี่ยของต้น มากที่สุดคือ 69.43 เซนติเมตร น้ำหนักเฉลี่ยต่อกอ และ     น้ำหนักผลผลิตเฉลี่ยปานกลางคือ 335 กรัมต่อกอ และ 1.70 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 8 ตารางเมตร

(336 กิโลกรัมต่อไร่) ในขณะที่ ปุ๋ยน้ำทางการค้า มีแนวโน้มให้ความสูงเฉลี่ยของต้นข้าวน้อยที่สุดคือ 57.56 เซนติเมตร และให้น้ำหนักผลผลิตเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ 1.60 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 8 ตารางเมตร

(320 กิโลกรัมต่อไร่) ดังนั้นการใช้สารสกัดหรือน้ำหมักชีวภาพจากแหนแดง ร่วมกับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์มีผลช่วยส่งเสริม การเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของข้าว


เข้าสู่ระบบ